นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม

บริษัทกำหนดเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสนับสนุนเป้าหมายของประเทศ โดยจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ในปี 2030 Carbon Neutrality ในปี 2035 และ Net Zero ในปี 2055

บริษัทได้กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม หรือ Grow Green ของบริษัท ซึ่งกำหนดปณิธานไว้ว่า

“เพราะเราเชื่อว่าการกระทำของทุกคนส่งผลต่อโลกใบนี้ ASW จะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ชีวิตและโลกดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน”

การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร

บริษัทกำหนดให้มีหน่วยงานความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อมในการกำกับดูแลและดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม โดยขึ้นตรงต่อผู้บริหารระดับสูง คือ คุณวุฒิ วิพันธ์พงษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานความยั่งยืนทางธุรกิจและความยั่งยืน

บทบาทหน้าที่การกำกับดูแลด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

  1. ดำเนินการตามกลยุทธ์ เป้าหมาย และนโยบายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร ตลอดจนทิศทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero)
  2. กำหนดแผนการปฏิบัติงาน และระบบงานต่างๆ ภายในองค์กร ตามนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และแนวทางในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอาอากาศ
  3. ดำเนินงานด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับกฎหมาย หลักปฏิบัติของหน่วยงานกำกับดูแล แนวปฏิบัติที่ดีตามมาตรฐานระดับประเทศและมาตรฐานระดับสากล
  4. กำกับดูแลความเสี่ยง จัดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง และการกำหนดแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงในด้านความยั่งยืน ในประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึง ตามแนวทางการบริหารความเสี่ยงขององค์กร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร ตลอดจนทิศทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่ Net Zero
  5. สนับสนุนการมีส่วนร่วมพร้อมส่งเสริมให้มีการสื่อสารให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทให้ดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
  6. รายงานแนวทางการดำเนินงาน และผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการบรรษัทภิบาล

แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม หรือ GrowGreen

Green Space: การให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวในโครงการ
Energy Efficiency: ออกแบบการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ
Waste Management: การบริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืน
Clean Air: ใส่ใจเรื่องการมีอากาศที่สะอาด
Water Management: ใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

ภายในปี 2567 บริษัทไม่มีการกระทำอันเป็นการละเมิด หรือฝ่าฝืน หรือผิดต่อกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงไม่มีค่าใช้จ่ายทางการเงิน ค่าปรับ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำผิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและส่งผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิต คุณภาพชีวิตของมนุษย์

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
งบประมาณ ค่าใช้จ่าย และ/หรือ ค่าปรับด้านสิ่งแวดล้อม บาท 0
การละเมิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ครั้ง 0

การจัดการพลังงาน

การจัดการพลังงานไฟฟ้า

เป้าหมายการใช้พลังงานไฟฟ้าในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม หรือ GrowGreen ของบริษัท

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในองค์กร ร้อยละ 5 (เทียบกับฐานปี 2566) MWh / พนักงาน ลดลง 18.33 %

การจัดการพลังงานไฟฟ้าในการก่อสร้างโครงการ

การจัดการพลังงานไฟฟ้าในโครงการ

การติดตั้งระบบไฟฟ้า

การติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในโครงการในระบบไฟฟ้าปกติ เพื่อสำหรับจ่ายไฟฟ้าให้กับห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างจะใช้หลอด Light Emitting Diode (LED) เพื่อประหยัดไฟฟ้าภายในโครงการ ทั้งนี้ได้จัดให้มีการตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้า และซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโครงการทุกเดือน และรีบดำเนินการแก้ไขหากพบการชำรุด

การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า

การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าภายในโครงการ ซึ่งบริษัทได้ออกแบบอาคารให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของโครงการ และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบเพื่ออนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2563 และเป็นไปตามประกาศกระทรวงพลังงาน- เรื่องกำหนดมาตรฐานการออกแบบเพื่ออนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2564 ดังนี้

  1. การถ่ายเทความร้อนของผนังด้านนอกของอาคาร (Overall Transfer Value : OTTV) โดยต้องเป็นไปตามเกณฑ์การพิจารณาการใช้พลังงานโดยรวมของอาคารตาม กฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของโครงการ และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบเพื่ออนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2563
  2. การถ่ายเทความร้อนรวมของหลังคาอาคาร (Roof Thermal Transfer Value : RTTV) จากการคำนวนค่าการถ่ายเทความร้อนรวมของหลังคาอาคาร (RTTV)
  3. การใช้ไฟฟ้าส่องสว่างภายในอาคาร ของพื้นที่ใช้งานต่ออาคาร
  4. ค่าพลังงานรวม โดยพิจารณาจากการออกแบบอาคารใช้พลังงานโดยรวมของอาคาร มีค่าพลังงานรวมของแต่ละอาคารต่ำกว่าค่าใช้พลังงานโดยรวมของอาคารอ้างอิง

ทั้งนี้ โครงการได้กำหนดให้มีมาตรการอนุรักษ์พลังงานภายในโครงการ โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

  1. การออกแบบโครงการให้สอดคล้องกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของโครงการ และมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบเพื่ออนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2563 โดยดำเนินการตามตามประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่องกำหนดมาตรฐานการออกแบบเพื่ออนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2564
  2. การออกแบบโครงการ โดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน เช่น

    • กำหนดตำแหน่งหลอดติดตั้งไฟให้เหมาะสม โดยไม่ให้มีจำนวนที่มากเกินความจำเป็น แต่ไม่ให้น้อยจนมีแสงสว่างไม่เพียงพอ
    • ติดตั้งหลอดไฟประหยัดพลังงาน Light Emitting Diode (LED) เพื่อประหยัดพลังงานและลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้พักอาศัย
    • ตั้งเวลาให้ประตูลิฟท์ปิดเองในช่วงเวลาอย่างน้อย 10 วินาที จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้พลังงานไฟฟ้าของการขับเคลื่อนมอเตอร์เปิด-ปิดประตู
  3. ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยภายในโครงการล้างเครื่องปรับอากาศเป็นประจำสม่ำเสมอ พร้อมระบุเบอร์ช่างซ่อม / ล้างเครื่องปรับอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้พักอาศัยภายในโครงการ
  4. ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยภายในโครงการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ประมาณ 25 – 26 องศาเซลเซียล
  5. จัดเจ้าหน้าที่ให้ทำความสะอาดไฟและโคมไฟอยู่เสมออย่างน้อยทุก 6 เดือน

บริษัทจัดทำคู่มือการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า แจกสำหรับห้องชุดพักอาศัยทุกห้อง เพื่อรณรงค์ให้ผู้พักอาศัยปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์พลังงาน และติดป้ายประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ปฏิบัติตามคู่มือการอนุรักษ์พลังงาน

นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการตรวจสอบถึงเครื่องหมายแสดงประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน และอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศส่วนกลาง และเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ในทุกเดือน

ติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop) ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

โครงการมิงเกิ้ล มอลล์ (Mingle Mall) ติดตั้งแผงโซลาร์ (Solar Rooftop) พื้นที่ 724 ตารางเมตร

ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ได้

150 กิโลวัตต์ โดยประมาณ

นอกจากนี้ ได้มีการติดตั้งไฟส่องสว่างที่ใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์ในส่วนของทางเดินและสวนส่วนกลางของโครงการ ทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า เนื่องจากมีโซล่าเซลล์นั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดไฟฟ้า สามารถลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบสายไฟต่างๆ รวมไปถึงการบำรุงรักษาสายไฟ อีกทั้งยังเป็นระบบที่ใช้งานได้สะดวกสามารถเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติได้ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดลงจรหรืออันตรายอื่นๆ ที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าได้ด้วย

การจัดการพลังงานไฟฟ้าในสำนักงานใหญ่

การลดการใช้พลังงานไฟฟ้า

ภายในสำนักงานใหญ่ได้ดำเนินการรณรงค์การประหยัดพลังงาน ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรเพื่อสร้างจิตสำนึกให้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการควบคุมการใช้พลังงานทั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และระบบปรับอากาศให้เป็นเวลาและเท่าที่จำเป็นในบางพื้นที่ของสำนักงาน เปลี่ยนใช้หลอดไฟ LED ภายในสำนักงาน กำหนดให้มีแผนงานการติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้า เพื่อประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานอย่างสูงสุด

นอกจากนี้ บนดาดฟ้าที่อาคารสำนักงานใหญ่ ได้ดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์ (Solar Rooftop System) บนพื้นที่ 153.9 ตารางเมตร ขนาด 32 กิโลวัตต์ เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในพื้นที่สำนักงานทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าปกติ

ข้อมูลการจัดการพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้า หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
การใช้พลังงานไฟฟ้า
สำนักงานใหญ่ กิโลวัตต์ - ชั่วโมง (MWh) 495,608 624,467 634,528
อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อพื้นที่ กิโลวัตต์ - ชั่วโมง (MWh) / ตารางเมตร 104.49 131.66 133.78
การใช้พลังงานทดแทน
พลังงานทดแทนที่ใช้ภายในองค์กร (พลังงานแสงอาทิตย์) กิโลวัตต์ - ชั่วโมง (MWh) 152,900 198,100 207,400
ค่าใช้จ่ายการใช้ไฟฟ้า
ค่าใช้จ่ายการใช้ไฟฟ้ารวม บาท 2,105,276.81 2,935,003.87 2,841,122.51

การใช้พลังงานเชื้อเพลิง

การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Station)

บริษัทได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Station) เพื่อความสะดวกของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่พักอาศัยภายในโครงการของบริษัท และเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาด ทดแทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิง อันก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะดำเนินการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Station) ในทุกโครงการของบริษัทที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

บริษัทได้ผนึกกำลังการไฟฟ้านครหลวง “MEA” ติดตั้งนวัตกรรมอัจฉริยะ PLUG ME EV รับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ยกระดับการอยู่อาศัยลูกบ้าน นำร่องติดตั้งที่โครงการ “แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช ชูจุดเด่นสะดวกสบาย – ลดค่าใช้จ่าย และมีจุดให้บริการมากถึง 12 ช่องจอด

นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Station) ที่สำนักงานใหญ่ เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่พนักงานที่ใช้รถไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการติดตั้งให้แก่พนักงาน จำนวน 2 จุด สามารถสั่งทำการชาร์จไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง Google Play และ App Store

จุดที่ 1

สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน “EV Station” โดยมีค่าบริการชาร์จไฟฟ้าแสดงบนหน้าจอแอปพลิเคชัน

จุดที่ 2

Juice box ev charger สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน “One Charge” โดยไม่มีค่าบริการชาร์จไฟฟ้า

Carpool: ทางเดียวกันไปด้วยกัน

จากนโยบาย GrowGreen ที่เป็นหลักคิดด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทที่ถือเป็นแนวปฏิบัติในทุกมิติของบริษัท โครงการ “ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน” (Carpool) จึงเป็นเป็นโครงการที่จะช่วยลดการใช้พลังงานในภาพรวมได้ นอกจากนั้นยังเป็นสวัสดิการของพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จากการที่ที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในซอยจึงได้จัดรถรับส่งพนักงานในช่วงเช้า สำหรับพนักงานที่โดยสารรถสาธารณะ นอกจากนั้นยังมีการใช้ระบบ Application GPS Tracking สำหรับติดตามรถเพื่อ อำนวยความสะดวกในการบอกตำแหน่งรถรับส่งได้อีกด้วย

โครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลังงานน้ำมันและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาพรวม โดยจะลดการใช้พลังงานน้ำมันในภาพรวม 100 ลิตร/ปี โดยในปี 2567 มีเส้นทางที่ให้บริการ 1 เส้นทาง คือ ปั๊ม ปตท. ก่อนถึงซอยพหลโยธิน 48 (ซ.สายหยุด) ปลายทาง Assetwise (ระยะทาง ไป-กลับ 4.9 Km)

น้ำมันในส่วนของผู้โดยสาร carpool ในกรณีหากไม่โดยสารรถ carpool รวม 5,350.8 กิโลเมตร จะใช้น้ำมันไปทั้งหมด 486.43 ลิตร (คำนวณกรณีนั่ง TAXI) อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 11,971.20 kg.CO2e

ดังนั้น โครงการ Carpool: ทางเดียวกันไปด้วยกันสามารถลดการใช้น้ำมันลง 347.458 ลิตร และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 8,540.86 kg.CO2e

ข้อมูลการใช้พลังงานเชื้อเพลิง

ข้อมูลการจัดการน้ำมันและพลังงานเชื้อเพลิง
พลังงานเชื้อเพลิง หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
น้ำมันดีเซล ลิตร 46,196.73 49,041.11 52,173.17
น้ำมันเบนซิน ลิตร 10,826.34 11,472.60 11,719.85
ค่าใช้จ่ายการใช้น้ำมันและเชื้อเพลิงรวม บาท 1,458,969 1,440,253 1,515,400
ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการพลังงานรวม
พลังงาน หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
การจัดการพลังงานทั้งหมดภายในองค์กร กิโลวัตต์ - ชั่วโมง (MWh) 648,508 819,567 841,928
พลังงานทดแทน MWh 152,900 198,100 207,400
พลังงานแสงอาทิตย์ MWh 152,900 198,100 207,400
พลังงานเชื้อเพลิงที่ไม่สามารถทดแทนได้ MWh 495,608 624,467 634,528
ปริมาณไฟฟ้าที่ซื้อมาได้ MWh 495,608 624,467 634,528
ไอน้ำหรือเชื้อเพลิงที่ซื้อมาได้ MWh 0 0 0
พลังงานเชื้อเพลิงที่ไม่สามารถทดแทนที่ขาย MWh 0 0 0
ปริมาณไฟฟ้าที่ซื้อขาย MWh 0 0 0
ไอน้ำหรือเชื้อเพลิงที่ขาย MWh 0 0 0
อัตราการใช้พลังงานต่อพื้นที่ MWh / ตารางเมตร 104.49 131.66 133.78

การจัดการน้ำ

บริษัทมุ่งมั่นที่จะลดการใช้น้ำภายในองค์กร โดยกำหนดเป้าหมายการลดปริมาณการใช้น้ำภายในปี 2567 และเป้าหมายระยะยาวที่จะลดปริมาณการใช้น้ำในปี 2571 เพื่อมุ่งบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ รวมถึงการปล่อยน้ำเสียจากกระบวนการก่อสร้างที่ไม่ได้รับการบำบัดลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทในทางกฎหมาย

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
ลดปริมาณการใช้น้ำภายในองค์กร ร้อยละ 5 (เทียบกับฐานปี 2566) และลดลงร้อยละ 30 ในปี 2571 (เทียบกับฐานปี 2566) ลิตร/พนักงาน ลดลง 6.17 %

การจัดการน้ำในการก่อสร้างโครงการ

ในระหว่างการก่อสร้างโครงการ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและปัญหาจากการใช้น้ำและการบริหารจัดการน้ำ บริษัทจึงร่วมกับผู้รับเหมาซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญในระหว่างการก่อสร้างโครงการ เพื่อประเมินความเสี่ยง พร้อมกำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อป้องกันแก้ไข และลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นการใช้น้ำและการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม

ในระหว่างการก่อสร้างโครงการของบริษัท ไม่พบว่ามีโครงการใดความเสี่ยงสูงและมีปัญหาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำหรือบริหารจัดการน้ำอย่างมีนัยสำคัญ

การจัดการน้ำในโครงการ

บริษัทจัดการน้ำภายในโครงการโดยให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากการใช้น้ำภายในโครงการซึ่งต้องกำหนดให้มีค่า BOD เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดก่อนระบายออกสู่ภายนอกโครงการ ซึ่งในแต่ละโครงการจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อรองรับน้ำเสียจากการใช้งานภายในโครงการได้อย่างเพียงพอกับปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญดูแลรักษาและควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียของโครงการให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดแผนการดูแลบำรุงรักษา จัดให้มีการสูบสิ่งปฏิกูลและกากไขมันจากบ่อบำบัดน้ำเสียในทุกเดือน และตรวจสอบบ่อบำบัดน้ำเสียเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเดินระบบบำบัดน้ำเสียได้ตลอดระยะเวลาที่เปิดดำเนินโครงการ พร้อมจัดให้มีมาตรการรองรับกรณีที่บ่อบำบัดน้ำเสียล้มเหลว นอกจากนี้เพื่อรองรับกรณีการเกิดโรคระบาดจึงได้จัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีการฆ่าเชื้อโรคด้วยโอโซน รวมถึงได้มีการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ในการรดน้ำต้นไม้ภายในโครงการ

การจัดการน้ำในสำนักงานใหญ่

บริษัทบริหารจัดการการใช้น้ำภายในสำนักงานใหญ่ โดยการควบคุมการใช้น้ำ เลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ การตรวจสอบอุปกรณ์ประปาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรณรงค์การประหยัดน้ำแก่พนักงาน เพื่อสร้างจิตสำนึกต่อพนักงานอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร

ศึกษาการนำน้ำจากเครื่องปรับอากาศมารดน้ำต้นไม้

จากการเก็บข้อมูลปริมาณน้ำ 1 ชั่วโมง จากเครื่องปรับอากาศ 9000 BTU พบว่า มีปริมาณน้ำที่ไหลออกจากเครื่องปรับอากาศ 1.5 ลิตร/เครื่อง จึงสามารถอนุมานได้ว่า ในเวลาทำการของบริษัท 8 ชั่วโมง จะมีปริมาณน้ำจากเครื่องปรับอากาศมากถึง 12 ลิตร ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปรดน้ำต้นไม้ในระบบเชือกได้

รดน้ำด้วยระบบเชือก

แปลงปลูกผักรอบลานจอดรถ ใช้การรดน้ำด้วยเชือก ซึ่งสามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 68.12% (แปลงผักความยาว 96 เมตร จำนวนผักสวนครัวทั้งหมด 66 ต้น)

การร่วมมือกับพันธมิตรและหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดการใช้น้ำ

Water Saving: การออกแบบการจัดการน้ำในโครงการ ภายใต้นโยบาย Growgreen โดยเน้นการหมุนเวียนน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ออกแบบการใช้ประโยชน์น้ำทิ้งจากแอร์ ระบบการนำน้ำจาก outdoor shower สระว่ายน้ำมารดน้ำต้นไม้บริเวณใกล้เคียง และการใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ

ข้อมูลการจัดการน้ำ

การใช้น้ำ หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
สำนักงานใหญ่ ลูกบาศก์เมตร 3,384 4,233 4,942
ปริมาณการใช้น้ำทั้งหมดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ ลูกบาศก์เมตร 0 0 0

ปริมาณน้ำที่ดึงจากแหล่งน้ำ

บริษัทไม่มีการดึงน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงไม่มีการดึงน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดน้ำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

ค่าใช้จ่ายจากการใช้น้ำ
ค่าใช้จ่ายจากการใช้น้ำ หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
ค่าใช้จ่ายการใช้น้ำรวม บาท 42,981 54,241 72,272
ค่าใช้จ่ายการใช้น้ำประปา บาท 42,981 54,241 72,272
ค่าใช้จ่ายการใช้น้ำอื่นๆ บาท 0 0 0

ผลกระทบต่อบริษัทจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ

บริษัทไม่มีกรณีที่เกิดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ และไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและค่าเสียโอกาสใดๆ ที่เกิดขึ้นจากเหตุละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำของบริษัท

ผลกระทบ หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
ค่าใช้จ่ายเพื่อลดผลกระทบและลดความเสี่ยง บาท 0 0 0

การจัดการขยะ ของเสีย และมลพิษ

บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดการของเสีย โดยเฉพาะของเสียที่เกิดจากการดำเนินโครงการของบริษัท บริษัทได้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ในเรื่องการจัดการของเสียที่เกิดจากกระบวนการก่อสร้าง ที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Impact Assessment Report (EIA) อย่างเคร่งครัดในทุกโครงการของบริษัท รวมถึงจัดให้มีการตรวจวัดคุณภาพของเสียทางอากาศ ได้แก่ กลิ่น เสียง ฝุ่นละออง ทั้งนี้พบว่าเป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด และไม่พบการรั่วไหลของสารเคมีที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
ลดปริมาณของเสียทั่วไป ร้อยละ 50 (เทียบกับฐานปี 2566) กิโลกรัม ลดลง 93.17%

การจัดการขยะ ของเสีย และมลพิษในการก่อสร้างโครงการ

ในระหว่างการก่อสร้างโครงการ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและปัญหาจากการใช้น้ำและการบริหารจัดการน้ำ บริษัทจึงร่วมกับผู้รับเหมาซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญในระหว่างการก่อสร้างโครงการ เพื่อประเมินความเสี่ยง พร้อมกำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อป้องกันแก้ไข และลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นการใช้น้ำและการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม

ในระหว่างการก่อสร้างโครงการของบริษัท ไม่พบว่ามีโครงการใดความเสี่ยงสูงและมีปัญหาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำหรือบริหารจัดการน้ำอย่างมีนัยสำคัญ

การจัดการวัสดุก่อสร้างเพื่อลดการเกิดขยะจากการก่อสร้างโครงการ

บริษัทให้ความสำคัญต่อการจัดการวัสดุก่อสร้างในกระบวนการก่อสร้างของบริษัท โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบให้มีใช้วัสดุก่อสร้างอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด ลดการสูญเสียวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นอันก่อให้เกิดขยะหรือของเสีย การใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ส่งเสริมการลดการเกิดขยะ การนำวัสดุเหลือใช้กลับมาหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ใหม่อีกครั้ง รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดขยะหรือของเสียที่เพิ่มมากขึ้น

1. การจัดรูปแบบปูพื้นกระเบื้องทางเดินห้องพักของโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการเกิดขยะ

โครงการก่อสร้างของบริษัทในปี 2567 ได้มีการจัดรูปแบบของการปูพื้นกระเบื้องทางเดินห้องพักภายในโครงการให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยจะต้องลดการสูญเสียของกระเบื้องให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยลดการเกิดของขยะจากเศษกระเบื้องที่เหลือใช้จากการปูพื้นเมื่อเปรียบเทียบกับการปูพื้นในรูปแบบเดิม ตามหลักการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน (Waste Management) และช่วยลดปริมาณขยะจากการก่อสร้างโครงการของบริษัทลงได้ ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะจัดรูปแบบของการปูพื้นกระเบื้องดังกล่าวในทุกโครงการของบริษัทในอนาคตต่อไป

2. เทคโนโลยี Texca Wall เพื่อจัดการของเสียในการก่อสร้าง

บริษัทได้ให้ความสำคัญในการจัดการเศษวัสดุที่เกิดจากการก่อสร้าง โดยได้นำเทคโนโลยี Texca Wall ที่เป็นผนังสำเร็จที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้าฉลากเขียวเข้ามาใช้ในการก่อสร้างในส่วนของผนัง จุดเด่นของ Texca Wall คือ ลดเศษวัสดุจากการก่อสร้าง เนื่องจากออกแบบขนาดที่ต้องการใช้มาตั้งแต่ที่โรงงาน จึงทำให้เหลือเศษปูนที่เป็นของเสียเพียง 5% เมื่อเทียบกับการก่อฉาบแบบเดิมเกิดของเสียถึง 10-20% นอกจากนั้นบริษัทผู้ผลิตยังรับเศษวัสดุที่เหลือเกิดจากการก่อสร้างกลับไป recycle เพื่อนำมาทำผนังใหม่อีกด้วย

โครงการวิจัยใช้เม็ดดินเผาเซรามิกผสมกับวัสดุทำผนัง Precast เพื่อช่วยกันความร้อน Assetwise ร่วมกับ Siamese EcoLite (Texca Wall)

ที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม หรืออาคารชุด มักพบว่าห้องพักที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก จะได้รับแสงอาทิตย์ในช่วงบ่าย ทำให้ผนังห้องรับความร้อนมากกว่าห้องพักที่หันด้านทิศอื่น ทำให้ต้องใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศมากเพื่อทำห้องให้เย็นลง จึงจะสะดวกแก่การอยู่อาศัย ดังนั้นการทำให้ห้องทิศตะวันตกลดความร้อนลงได้ จึงเป็นนวัตกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการลดการใช้พลังงาน ให้เป็นอาคารคาร์บอนต่ำ

เนื่องจากทาง Siamese EcoLite เป็นพันธมิตรคู่ค้า ที่ได้ทำการสร้างผนังภายในห้องให้กับโครงการของบริษัท และมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นดินเผาเซรามิกที่ทำหน้าที่เป็นฉนวนความร้อนได้ จึงมีแนวคิดที่จะทดลองนำเม็ดดินเผาเซรามิก ผสมเป็นส่วนหนึ่งของแผ่น Precast ของอาคาร เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นฉนวน สามารถกันความร้อนที่เข้ามาในห้องได้

การทดลองเบื้องต้นได้ทดลองเปรียบเทียบการให้ความร้อนกับวัสดุแผ่น Precast ปกติกับวัสดุแผ่น Precast ที่ผสมเม็ดดินเผาเซรามิก และการขยายผลการทดลอง ด้วยการสร้างห้องเพื่อทดลองการใช้ผนัง Precast ที่ผสมเม็ดดินเผาเซรามิก ที่โรงงาน เพื่อทำการเก็บข้อมูล โดยละเอียด เพื่อนำสู่การทดลองนำมาใช้จริงต่อไป

3. การใช้วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่ส่งเสริมการลดการเกิดขยะ

ในส่วนของพื้นทางเดินส่วนกลางของโครงการ บริษัทส่งเสริมการใช้วัสดุที่ลดการเกิดขยะ โดยได้เลือกใช้วัสดุปูพื้นทางเดิน หรือ บล็อกทางเท้า จากวัสดุ Upcycling โดยการนำขยะพลาสติกมาผลิตเป็นบล็อกทางเดิน เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและเป็นการเพิ่มมูลค่าแก่ขยะพลาสติก โดยมีกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนสามารถทำได้ในระดับชุมชน ทั้งนี้บริษัทได้ทำการจัดซื้อจากวัสดุปูพื้นทางเดิน หรือ บล็อกทางเท้า จากโรงงานรีไซเคิลชุมชนที่ผลิตจากจากขยะถุงอาหารสัตว์เลี้ยงมาใช้สำหรับปูพื้นทางเดินในส่วนกลางของโครงการ ซึ่งสามารถช่วยกำจัดขยะพลาสติกได้ถึง 4.4 กิโลกรัม ต่อบล็อกทางเท้า 1 ตัว

การบริหารจัดการขยะ ของเสีย และมลพิษที่ภายในโครงการ

การจัดการมลพิษ

การจัดการฝุ่นละออง สำหรับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จของบริษัท ได้มีการควบคุมของการเดินรถยนต์ภายในโครงการให้มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นบริเวณผิวถนน และจัดให้มีการทำความสะอาดถนนภายในโครงการทุกวัน ตลอดระยะเวลาการเปิดดำเนินการ นอกจากนี้ในห้องพักอาศัยทุกห้อง และพื้นที่ส่วนกลาง เช่น โถงสวนกลาง ห้องนิติบุคคล ห้องออกกำลังกาย เป็นต้น บริษัทได้ทำการติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีคุณสมบัติที่สามารถกรองฝุ่นละอองชนิดที่มีความละเอียดพิเศษ หรือ PM 2.5 ได้ เพื่อป้องกันมลภาวะขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพของผู้พักอาศัย และใช้พื้นไม้สำเร็จรูปในการปูพื้นห้องพัก ที่มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกอากาศ และไม่มีสาร formadehyde ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมถึงมีการติดตั้งกระเบื้องยางปูพื้นด้วยระบบ Click-lock ลดรอยต่อระหว่างแผ่นกระเบื้องที่จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นละออง

การจัดการมลพิษทางอากาศ โครงการจัดให้มีอาคารจอดรถที่มีลักษณะเปิดโล่ง ไม่ปิดทึบ มีลมพัดผ่านตลอดเวลา สามารถระบายอากาศได้อย่างสะดวก และดำเนินการติดตั้งป้ายห้ามติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ขณะจอดรถในบริเวณพื้นที่จอดรถ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของมลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์ นอกจากนี้ยังได้มีการควบคุมควบความเร็วของรถยนต์ภายในโครงการ รวมถึงการจัดให้มีป้ายสัญลักษณ์จราจรให้ชัดเจนในโครงการ เพื่อทำให้เกิดการเคลื่อไหวตัวของรถภายในโครงการ และบริเวณทางเข้า-ออกโครงการมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดมลภาวะที่เกิดจากการกระจุกตัวของรถในทางเดินรถและการเดินรถที่ไม่จำเป็น

นอกจากนี้ ภายในโครงการของบริษัทยังจัดให้มีพื้นที่สีเขียว โดยการปลูกต้นไม้ที่มีคุณสมบัติสามารถช่วยกรองฝุ่น หรือสามารถฟอกอากาศได้ ในพื้นที่รอบๆ โครงการ เพื่อให้ต้นไม้ดังกล่าวช่วยดูดซับฝุ่นละอองในอากาศ และ/หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ที่เกิดขึ้นภายในโครงการ

ผลการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ

สำหรับ โครงการ KAVE UNI.VERSE BANGSAEN

No Category ค่ามาตรฐาน ปี 2566 ปี 2567
ผลการตรวจวัด เปอร์เซ็นต์ที่ปล่อยต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ผลการตรวจวัด เปอร์เซ็นต์ที่ปล่อยต่ำกว่าค่ามาตรฐาน
1 ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 100 ไมครอน (TSP) ≤ 0.33 (24hrs.) 0.071 78.48 0.031 90.61
2 ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM-10) ≤ 0.12 (24hrs.) 0.0059 95.08 0.023 80.83
3 ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM-2.5) ≤ 0.05 (24hrs.) N/A N/A N/A N/A
4 ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ≤ 34.2 (1hrs.) 2.01 94.12 1.69 95.06
5 สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (THC) ยังไม่มีค่ามาตรฐาน 1.31 N/A 2.53 N/A
6 ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ≤ 0.32 (1hrs.) <0.094 70.63 <0.094 70.63
7 ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ≤ 0.30 (24hrs.) 0.011 96.33 0.059 80.33

หมายเหตุ: ผลการตรวจ 17-18 กรกฎาคม 2023 และ 23-24 มกราคม 2024

การจัดการขยะและของเสีย

สำหรับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ บริษัทได้จัดให้มีห้องพักขยะประจำชั้นพักอาศัย โดยภายในห้องพักขยะจะจัดให้มีถังขยะแยกประเภทขยะ ได้แก่ ถังขยะเปียก (ขยะย่อยสลายได้) ถังขยะทั่วไป (ขยะแห้ง) ถังขยะรีไซเคิล ถังขยะอันตราย และถังขยะติดเชื้อ เพื่อให้ผู้พักอาศัยมีการการคัดแยกขยะให้ถูกประเภทก่อนทิ้ง โดยการจัดให้มีถังขยะที่แบ่งสีตามประเภทของขยะ รวมถึงจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยคัดแยกขยะ และนำกลับมาใช้ซ้ำได้ในขยะบางประเภท เช่น ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะของโครงการ ทั้งนี้ในการจัดเก็บขยะในโครงการจะจัดการคัดแยกขยะแต่ละประเภทใส่ในแต่ละถุง พร้อมติดฉลากบอกประเภทของขยะก่อนขนย้ายเพื่อสำหรับนำไปทิ้งต่อไป

นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการตรวจสอบถังขยะให้มีสภาพดีอยู่เสมอ หากพบว่ามีการผุกร่อนหรือชำรุดต้องดำเนินการแก้ไขทันที รวมทั้งมีการตรวจสอบปริมาณขยะที่อาจตกค้างบริเวณรอบถังขยะ และห้องพักขยะให้สะอาดอยู่เสมอ โดยทางผู้รับผิดชอบโครงการหรือนิติบุคคลจะต้องควบคุมให้มีการปฏิบัติตามมาตรการในการจัดการขยะที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

การบริหารจัดการขยะ ของเสีย และมลพิษที่ภายในสำนักงานใหญ่

การจัดการขยะด้วย Concept แยก-เท-คว่ำ

โครงการต่อเนื่องหนึ่งในแกน Waste Management ตามนโยบาย Grow Green ซึ่งในปี 2567 นี้ บริษัทมีเป้าหมายร่วมกันทั้งองค์กร ที่จะลดปริมาณขยะทั่วไปลง 50% เทียบกับปีฐาน โดยได้ต่อยอดการคัดแยกขยะด้วย Concept แยก-เท-คว่ำ ให้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

รณรงค์ให้ความรู้พนักงานทุกคน ทุกระดับ ให้เข้าใจวัฒนธรรมการแยกขยะด้วย Concept แยก-เท-คว่ำ เส้นทางจัดการขยะแต่ละประเภท และทดลองใช้ “แยก-เท-คว่ำ Station” เริ่มตั้งแต่การอบรมพนักงานใหม่ และประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องให้พนักงานช่วยกันลดขยะทั่วไปขององค์กร

แยก-เท-คว่ำ Station ได้ดำเนินการทั้งที่สำนักงานใหญ่ และปรับใช้ในงาน Event ต่าง ๆ ของบริษัท โดยสำนักงานใหญ่ ในปี 2567 สามารถรวบรวมขยะได้ 9,304.10 กิโลกรัม แบ่งเป็นขยะทั่วไป 145.28 กิโลกรัม ขยะอันตราย 47.46 กิโลกรัม ขยะรีไซเคิล 3,605.7 กิโลกรัม ขยะพลังงาน 3,951.46 กิโลกรัม เศษอาหาร 1,554.2 กิโลกรัม ช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ 22,288.31 kgCO2e ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 2,476 ต้น โดยบริษัทตั้งเป้าลดขยะทั่วไปลง 50% จากปีฐาน สรุปผลการดำเนินงานปี 2567 ขยะทั่วไปลดลงจากปีฐาน 93.17%

และงาน Event ต่างๆ ที่บริษัทจัดขึ้นสามารถรวบรวมขยะ และนำส่งกำจัดอย่างถูกวิธีได้ 945.27 กิโลกรัม ช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ถึง 2,321.04 kgCO2e ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 258 ต้น

ในปี 2567 จากกิจกรรมการจัดการขยะด้วย Concept แยก-เท-คว่ำ นั้นสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ 24,609.35 kgCO2e ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 2,734 ต้น เพิ่มขึ้น 211% เมื่อเทียบกับปี 2566

โครงการประกวดต้นแบบการจัดการขยะครบวงจร ระดับ 50 เขต ประจำปีพ.ศ. 2567 (ประเภทอาคารสำนักงานเอกชน)

บริษัทได้นำกระบวนการจัดการขยะทั่วไป ให้มีการจัดการที่ดี เปลี่ยนจากขยะเป็นวัสดุ ด้วย Concept แยก-เท-คว่ำ ที่ผู้รับปลายทางสามารถนำไปจัดการต่อได้ทันที และลดขยะตั้งแต่ต้นทางตามหลัก 7R ทำให้บริษัทลดขยะทั่วไปได้จริง และต่อยอด Concept แยก-เท-คว่ำ ไปยังพันธมิตรของเราด้วย ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้บริษัทได้รับรางวัล รองชนะเลิศอันดับ 1 การจัดการขยะครบวงจร (ประเภทอาคารสำนักงาน)

ขยะอันตราย

ขยะอันตรายเป็นขยะอีกหนึ่งประเภทที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยเข้าร่วมโครงการของกรมควบคุมมลพิษ เข้าร่วมเป็นสมาชิก “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการเก็บรวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เห็นความอันตรายที่ร้ายแรงของขยะประเภทนี้ สร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ช่วยกันแยกโดยไม่ทิ้งรวมกับขยะประเภทอื่น ๆ บริษัทจัดตั้งสถานที่รับขยะอันตราย (หลอดไฟ ถ่ายไฟฉาย กระป๋องสเปรย์ มือถือ และอุปกรณ์ต่อพ่วง) รวม 4 จุด คือ สำนักงานใหญ่ ศูนย์การค้า Mingle mall สำนักงานขาย Atmoz Flow มีนบุรี และสำนักงานขาย Atmoz season ลาดกระบัง

ในปี 2567 บริษัทรณรงค์ให้พนักงานแยกขยะอันตราย ผ่านกิจกรรม “ขยะอันตรายแลกโดนัท หรือ ESG Coin” โดยร่วมกิจกรรมผ่าน Line OA : aswgrowgreen สามารถนำไปแลกเป็นโดนัทไว้รับประทาน หรือ Coin เพื่อนำไปใช้จ่ายในร้านค้าโดยรอบสำนักงานใหญ่ หรือไว้แลกเป็นของที่ระลึกอื่น ๆ จากกิจกรรมบริษัทสามารถรวบรวมขยะอันตรายได้ 47.46 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 58.2% จากปี 2566

Refill Station

Refill Station เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส เป็นการส่งเสริมการลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของพนักงาน โดยให้นำภาชนะมาเติมน้ำยาต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักผ้า และน้ำยาล้างมือ

ปี 2567 ปริมาณน้ำยาที่ใช้ทำกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 26,000 มิลลิลิตร เทียบเท่ากับการลดการใช้ขวดพลาสติกขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน 52 ขวด

การร่วมกับพันธมิตร หน่วยงาน หรือผู้มีส่วนได้เสียในการจัดการขยะ ของเสีย และมลพิษ

บริษัทจัดประชุมร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการใช้ผลิตภัณฑ์ Low Carbon สอดรับกับนโยบายของประเทศมุ่งสู่ Net Zero และแนวคิด GrowGreen การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทในทุกห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การก่อสร้าง ไปจนกระทั่งการพักอาศัยของลูกบ้าน โดยมีผู้รับเหมาหลักเข้าร่วมประชุม 8 บริษัท ได้แก่ บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด บริษัท ต.พีระกฤช จำกัด บริษัท 3 พร จำกัด บริษัท 7มกรา จำกัด บริษัท จีระธนา ก่อสร้าง จำกัด บริษัท พรพระนคร จำกัด และบริษัท คอนสตรัคชั่น ไลนส์ จำกัด

โครงการ ASW x Arch KU

โครงการ ASW x Arch KU เป็นความร่วมมือระหว่าง แอสเซทไวส์ และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ที่มอบโอกาสการเรียนรู้จากการทำงานจริงเพื่อติดปีกศักยภาพนิสิตสถาปัตย์ให้พร้อมตอบสนองความต้องการของตลาดยุคใหม่ ตลอดเวลากว่า 4 เดือนของโครงการ นิสิตได้ฝึกฝนทักษะการออกแบบผ่านกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการบรรยายพิเศษ การเยี่ยมชมพื้นที่จริงที่โครงการ WisePark Minburi และการทำงานออกแบบภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ จนนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานประกวดที่โดดเด่นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ที่สอดคล้องกับแนวคิด WISECOLOGY และ GrowGreen ของแอสเซทไวส์

นอกจากนั้นยังให้นิสิตทีมต่างๆ ประกวดแบบอาคารตามแนวคิดการอยู่อาศัยที่เข้าใจทุกไลฟ์สไตล์ และการประกวดการออกแบบพื้นที่จัดการขยะในห้องพักอาศัยในแบบฉบับของแอสเซทไวส์ ภายใต้คอนเซปต์ ‘แยก-เท-คว่ำ’ เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste to Landfill ทำให้นิสิตได้นำความรู้ไปปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงทางบริษัทสามารถประยุกต์ใช้แนวคิดที่นิสิตออกแบบไปปรับใช้กับโครงการในอนาคตได้อีกด้วย

ข้อมูลการจัดการขยะและของเสีย
การจัดการขยะและของเสีย หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
ปริมาณขยะและของเสียไม่อันตราย กิโลกรัม 1,318.00 1,182.00 145.28
ปริมาณขยะและของเสียอันตราย กิโลกรัม 28.00 30.00 47.46
ปริมาณขยะและของเสียรวม กิโลกรัม 1,346.00 1,212.00 192.74
ปริมาณขยะและของเสียรวมที่นำกลับมาใช้ประโยชน์ (รีไซเคิล) กิโลกรัม 1,577.82 2,748.23 9,415.76
ปริมาณขยะและของเสียไม่อันตรายที่นำกลับมาใช้ประโยชน์ (รีไซเคิล) กิโลกรัม 1,577.82 2,748.23 9,415.76
ปริมาณขยะและของเสียอันตรายที่นำกลับมาใช้ประโยชน์ (รีไซเคิล) กิโลกรัม 0 0 0
ปริมาณขยะและของเสียที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ กิโลกรัม 1,318.00 1,182.00 145.28
ผลกระทบต่อบริษัทจากการจัดการมลพิษ ขยะและของเสีย
ผลกระทบ หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
ค่าใช้จ่ายเพื่อลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมลพิษ ขยะ และของเสีย บาท 0 0 0

การจัดการปัญหาก๊าซเรือนกระจก

บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาวะเรือนกระจก ซึ่งเกิดขึ้นจากการดำเนินงานทั้งภายในสำนักงานใหญ่ของบริษัท การก่อสร้างโครงการ และโครงการของบริษัท โดยบริษัทจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Impact Assessment Report (EIA) อย่างเคร่งครัดในทุกโครงการของบริษัท

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2055 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 1,670 TCo2e
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขตที่ 1,2,3 ลดลง 5% เทียบปีฐาน 2563 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ลดลง 29.78%

การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกที่จากการก่อสร้างโครงการ

การจัดการก๊าซเรือนกระจกภายในโครงการ

ผลกระทบด้านคุณภาพอากาศที่ก่อให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจก ส่วนใหญ่เกิดจากการจารจรภายในโครงการ โดยเฉพาะที่จอดรถและทางวิ่งภายในโครงการซึ่งเกิดจากท่อไอเสียของรถยนต์ ได้แก่ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซต์ (NO2) สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (HC) และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ (CO) ทั้งนี้ ทางโครงการจะต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยการจัดให้พื้นที่จอดรถมีลักษณะที่เปิดโล่ง ไม่ปิดทึบ มีลมพัดผ่านตลอดเวลา สามารถระบายอากาศได้อย่างสะดวกเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของมลพิษ รณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยในโครงการไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ภายในบริเวณที่จอดรถ ควบคุมความเร็วของรถภายในโครงการให้ไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจัดให้มีป้ายและสัญลักษณ์จราจรบนพื้นทางให้ชัดเจน เพื่อให้การเคลื่อนตัวของรถภายในโครงการ และบริเวณทางเข้า-ออกโครงการมีประสิทธิภาพลดการเดินลดที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ได้จัดให้มีพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ โดยการปลูกต้นไม้ที่มีคุณสมบัติดูดซับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ (CO) ในพื้นที่รอบๆ โครงการ เพื่อให้ต้นไม้สามารถช่วยดูดซับมลพิษที่เกิดภายในโครงการ

การจัดการก๊าซเรือนกระจกในสำนักงานใหญ่

ประเมิน carbon footprint (สำนักงานใหญ่)

บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือด จึงได้รวบรวมข้อมูลกิจกรรมทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรง ทางอ้อม และทางอ้อมอื่นๆ โดยทำการประเมินแบบภาคสมัครใจ และคำนวณออกมาในรูปตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า เพื่อนำข้อมูลมากำหนดแนวทางบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยกำหนดขอบเขตการในการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจก ดังนี้

  • ขอบเขตที่ 1:

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งองค์กรเป็นตัวเจ้าของหรือควบคุมการดำเนินงานโดยองค์กร

  • ขอบเขตที่ 2:

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้า

  • ขอบเขตที่ 3:

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ

ซึ่งในปี 2567 บริษัทมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด 1,670 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า โดยเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (ขอบเขตที่ 1) 253 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (ขอบเขตที่ 2) 318 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (ขอบเขตที่ 3) 1,099 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด

1,670

ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

1,670 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
การจัดการก๊าซเรือนกระจก หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (ขอบเขต 1) ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 204.00 226.00 253.00
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (ขอบเขต 2) ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 248.00 313.00 318.00
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ ทั้งหมด (ขอบเขต 3) ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 658.00 869.00 1,099.00
ปริมาณการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 1,100.00 1,408.00 1,670.00

บริษัทมีมาตรการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ ตามนโยบาย GrowGreen 5 ด้าน เช่น รณรงค์ประหยัดน้ำเปิดใช้เท่าที่จำเป็น การรดน้ำด้วยระบบเชือก รณรงค์ดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำเพื่อลดขยะขวดพลาสติก แยกขยะทุกประเภทด้วย Concept แยก-เท-คว่ำ และนำส่งไปใช้ประโยชน์ต่อ รณรงค์ปรับแอร์เป็น 25 องศาเซลเซียส ปิดไฟ 1ชั่วโมงช่วงพักกลางวัน และปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้อง รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางภายในสำนักงานใหญ่บางส่วนใช้ไฟจากพลังงานโซล่าเซลล์ ติดตั้ง EV Station รณรงค์ Carpool ทางเดียวกันไปด้วยกัน เป็นต้น

นอกจากนั้นในส่วนของการออกแบบอาคารยังมีการปลูกต้นไม้คลุมอาคาร ปลูกต้นไม้ใหญ่โดยรอบอาคาร และออกแบบอาคารให้มี Façade เพื่อป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร มีช่องเปิดเพื่อระบายอากาศเป็นการลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย

โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก LESS (Low Emission Support Scheme)

ในปี 2567 บริษัทได้ยื่นขอการรับรอง และได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จากกิจกรรมการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล สามารถรวบรวมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่สำนักงานใหญ่ สามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ 11.454 tCO2e เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1,273 ต้น

บริษัทเป็นสมาชิกโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 Climate Care Collaboration Platform
Care the Bear

ในปี 2567 มีกิจกรรมที่บันทึกข้อมูลผ่านโครงการ Care the Bear ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ จำนวน 13 กิจกรรม 1 โครงการ เช่น กิจกรรมบริจาคโลหิต กิจกรรมเพาะต้นไม้ในโครงการ Plant for the Planet ปลูกเพิ่มเพื่อลดอุณหภูมิ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 โครงการปันรักผ่านอักษรเบรลล์ #ปี3 เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ 2,093.01 kgCO2e ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 233 ต้น

Care the Whale

บริษัทเข้าร่วมโครงการ “Care the Whale” ด้วยแนวคิดที่ตรงกันคือ “ขยะล่องหน” กำจัดคำว่าขยะให้หายไป ร่วมกันหาทางใช้ให้ถึงที่สุด ซึ่งตรงกับแนวคิดของบริษัทในแกน Waste Management นโยบาย GrowGreen ที่จัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง กำจัดขยะให้มีทางไปที่ถูกต้อง โดยมีเป้าหมายร่วมกันในเรื่อง Zero Waste to Landfill โดยบริษัทได้ใช้แพลตฟอร์ม Care the Whale ในการบันทึกปริมาณขยะประเภทต่าง ๆ

Care the Wild

บริษัทได้สนุนกิจกรรม ปลูกป้อง Plant & Protect พื้นที่ป่าชุมชนบ้านหลังเขา อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ปลูกต้นไม้จำนวน 4,000 ต้น รวม 20 ไร่ ซึ่งต่อปีช่วยดูดซับคาร์บอนได้ถึง 36,000 kgCO2e

การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)

บริษัทสนับสนุนการเลือกใช้สินค้าและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานที่ได้ให้การรับรองหรือมีฉลากรับรองว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้าง และใช้ในสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มมูลค่าการจัดซื้อสินค้าและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการดำเนินการดังนี้

  • เพิ่มจำนวนคู่ค้าและรายการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปรับปรุงฐานข้อมูลสินค้าและบริการสีเขียวเพื่อเป็นแนวทางในการจัดหาและจัดซื้อ
  • ร่วมมือกับคู่ค้าในการตระหนักและคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุ และการบริการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานในโครงการ การเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ซ้ำได้
  • สื่อสารให้แก่คู่ค้าหรือพันธมิตรถือแนวทางในการจัดหาและจัดซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีกระบวนการจัดซื้อการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการคัดเลือกคู่ค้าที่มีการจำหน่ายสินค้า และ/หรือให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรอง และ/หรือมีฉลากที่ให้การรับรองว่าเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมีจำนวนคู่ค้าที่มีการจำหน่ายสินค้า และ/หรือให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวน 18 ราย โดยมีรายการสินค้า และ/หรือให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวน 23 รายการ

การเพิ่มพื้นที่สีเขียว
โครงการ Plant for the Planet

ในการดำเนินธุรกิจจะมีการปล่อย CO2 ในกระบวนการต่างๆ ของกิจกรรมทางธุรกิจ ดังนั้นเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อโลกและสรรพชีวิต การจัดกิจกรรมรณรงค์ให้พนักงานของ บมจ.แอสเซทไวส์ และพันธมิตร ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับ CO2 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญให้เกิดความตระหนัก เพื่อนำสู่การลด CO2 ในอนาตต ทั้งกิจกรรมส่วนตัวและในทางธุรกิจ จึงได้เกิดเป็นโครงการ “ Plant for the Planet ” ปลูกเพิ่มเพื่อลดอุณหภูมิ ภาระกิจกู้โลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเชิญชวน ให้มีเป้าหมายในการปลูกต้นไม้ 433 ต้น/คน* เพื่อชดเชยกับ CO2 ที่แต่ละคนทำให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นการช่วยยับยั้งให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศา

ในปี 2567 ได้ดำเนินการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายใต้โครงการ Plant for the Planet ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ปลูกแบบประณีตให้ต้นไม้รอด 100% รวม 3 พื้นที่ จำนวน 2,900 ต้น คิดเป็นการดูดซับคาร์บอนได้ถึง 26,100 kgCO2e

โครงการเพาะกล้า...พาโลกรอด

บริษัทร่วมกับสำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ และ 5 โรงเรียนในเขตประเวศ ได้แก่ โรงเรียนสุเหร่าจรเข้ขบ(กุลางกูรอุปถัมภ์) โรงเรียนคลองมะขามเทศ โรงเรียนมัธยมสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ โรงเรียนสุวิทย์เสรีอนุสรณ์ โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ โดยเริ่มโครงการเพาะกล้า...พาโลกรอด ตั้งแต่ปลายปี 2566

นวัตกรรมในการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

บริษัทมุ่งมั่นในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับทุกคน จึงได้มีการพัฒนา Line Official ที่ชื่อว่า ASWGrowGreen เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์และบันทึกข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการคำนวณการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เบื้องต้นให้อีกด้วย ปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการเพิ่มพื้นที่สีเขียว/การปลูกต้นไม้ และการจัดการขยะ

Plant for the Planet: เป็นฟังก์ชั่นในการบันทึกเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ โดยเริ่มตั้งแต่ การเพาะเมล็ด การดูแลต้นกล้า การปลูกต้นไม้ และการติดตามต้นไม้ โดยจะสามารถบันทึกรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนได้

Zero Landfill: เป็นฟังก์ชั่นในการบันทึกเกี่ยวกับการจัดการด้านขยะ โดยจำแนกเป็น วัสดุรีไซเคิล วัสดุส่งไปทำประโยชน์(ขยะกำพร้า) วัสดุอันตราย และเศษอาหาร

ความหลากหลายทางชีวภาพ

การจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ

บริษัทกำหนดเป้าหมายสำหรับความมุ่งมั่นในการที่จะไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพภายใต้ขอบเขตที่สามารถจัดการได้ และการดำเนินงานทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
ไม่มีโครงการใหม่ในปีตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติ โครงการ ไม่มี

นโยบายและแนวปฏิบัติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

บริษัทให้ความสำคัญประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้มีการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรอบด้านภายใต้การวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และให้มีการติดตามตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนปกป้อง อนุรักษ์ ฟื้นฟู ดำเนินการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ดำเนินงานโครงการและชุมชนโดยรอบ

บริษัทให้ความสำคัญประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้มีการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรอบด้านภายใต้การวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และให้มีการติดตามตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนปกป้อง อนุรักษ์ ฟื้นฟู ดำเนินการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ดำเนินงานโครงการและชุมชนโดยรอบ

  • มุ่งมั่นในการที่จะดูแล ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศน์ครอบคลุมในทุกพื้นที่การดำเนินการของบริษัท
  • ดำเนินการตามความมุ่งมั่นในการจัดการลดและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพในการดำเนินงานของบริษัท เพื่อหาแนวทางในการควบคุมและจัดการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง หรือการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเคร่งครัด
  • ตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยการศึกษาและจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และติดตามผลการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบในพื้นที่ดำเนินงานของบริษัท และไม่เข้าไปดำเนินธุรกิจบนพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติ และพื้นที่ที่กระทบต่อสิ่งมีชีวิตชนิดใกล้สูญพันธ์หรือมีลักษณะจำเพาะของท้องถิ่น
  • จัดให้มีการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในเชิงบวก
  • ร่วมกับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ ในการสร้างความร่วมมือ การให้คำปรึกษา และการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องต่อการจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล องค์กรรัฐ องค์กรเอกชน หรือองค์กรระหว่างประเทศ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และลดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

ความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

การดำเนินธุรกิจของบริษัทโดยเฉพาะในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ต่างๆ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศน์ของพื้นที่ตั้งโครงการรวมถึงพื้นที่โดยรอบนั้นได้ ทั้งนี้บริษัทจึงได้ดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบดังกล่าว โดยเริ่มตั้งแต่การกำหนดนโยบายการจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างชัดเจน รวมทั้งการบริหารจัดการผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพในแต่ละโครงการอย่างครอบคลุม

การพัฒนาโครงการของบริษัท ทั้งในส่วนของโครงการใหม่ ภายในปี 2567 และโครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงานนั้น เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ บริษัทได้ดำเนินการตามกฎหมายผังเมืองของแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการรุกล้ำหรือพัฒนาพื้นที่ผิดประเภทตามที่กฎหมายผังเมืองกำหนด นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีโครงการใดของบริษัทที่รุกล้ำหรืออยู่ใกล้พื้นที่ธรรมชาติ และจากการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมพบว่าไม่มีทรัพยากรทางชีวภาพและสัตว์หายากที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่จำเป็นที่ต้องได้รับการอนุรักษ์ในพื้นที่โครงการหรือพื้นที่ใกล้เคียงโครงการ นอกจากนี้การประเมินดังกล่าวยังช่วยป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพในการพัฒนาโครงการ ซึ่งเป็นตามมาตรการทางกฎหมายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่บริษัทจะต้องจัดให้มีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดและครอบคลุมในทุกประเด็น

บริษัทยังมุ่งเน้นในการพัฒนาโครงการโดยคำนึงถึงการสร้างพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ใช้ประโยชน์จากร่มเงาของต้นไม้ การเลือกชนิดของต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในแต่ละโครงการ รวมไปถึงการรักษาต้นไม้เดิมในพื้นที่โครงการ โดยในทุกโครงการของบริษัทจะจัดให้มีพื้นที่สีเขียวมากกว่าที่กฎหมายกำหนด

การดำเนินการด้านความหลากหลายชีวภาพในพื้นที่โครงการ

บริษัทให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้มีการกำหนดเป็นนโยบายด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โครงการThe Arbor รามอินทราวัชรพล ได้อนุรักษ์ต้นไม้ในพื้นที่เดิม คือ ต้นจามจุรี จำนวน 3 ต้น ซึ่งคงไว้ซึ่งพันธ์ไม้เดิมประจำถิ่น ด้วยการล้อมเพื่อขยับต้นจามจุรีอยู่ใน Master Plan ได้อย่างลงตัว โดยย้ายมาบริเวณหน้าโครงการเพื่อเป็น landmark ทางเข้าโครงการ และอีก 2 ต้น ย้ายไปอยู่บริเวน park 2 ถือเป็นการอนุรักษ์ต้นไม้เพื่อให้ความหลากหลายทางชีวภาพยังคงอยู่