นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสังคม

กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงคุณค่าทางด้านสังคม โดยบริษัทยึดมั่นอยู่เสมอว่า บริษัทจะก้าวหน้าพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ มีความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบอาชีพ และรับผิดชอบในการพัฒนาสังคมส่วนรวมให้มีความเจริญควบคู่กันไปโดยกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านสังคม ดังนี้

บริษัทถือว่าพนักงานเป็นทรัพยากรอันมีค่าสูงสุดและเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท ด้วยเหตุดังกล่าวบริษัทจึงมุ่งพัฒนา เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรและบรรยากาศการทำงานที่ดี รวมทั้งส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและสร้างความรักความสามัคคีภายในกลุ่มบริษัท จึงได้ดำเนินการในด้านต่างๆ ในการดูแลพนักงาน เพื่อให้สามารถเติบโตไปพร้อมกับบริษัท ได้อย่างยั่งยืน

การจ้างงาน

บริษัทมีแนวทางปฏิบัติในการสรรหาและว่าจ้างพนักงาน โดยพิจารณาตามคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน โดยการไม่เลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากความหลากหลายของบุคคล อาทิ เพศ เชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง เป็นต้น โดยมีระบบการสรรหาและคัดเลือกพนักงานที่เป็นธรรมและเท่าเทียม โดยพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทำงาน และทัศนคติตามความเหมาะสมของแต่ละตำแหน่งงาน

ในปี 2566 บริษัทมีการว่าจ้างพนักงานจำนวน 574 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 221 คน และเพศหญิง 353 คน และมีการว่าจ้างผู้พิการซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 จำนวน 4 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.70 โดยมีความหลากหลายในแต่ละด้าน ดังนี้

แบ่งตามเพศ
แบ่งตามระดับ
แบ่งตามช่วงอายุ
สัดส่วนพนักงาน จำนวน (คน) ร้อยละ
แบ่งตามเพศ
ชาย 221 39.0
หญิง 353 61.0
แบ่งตามระดับ
ระดับผู้บริหารระดับสูง 6 1.0
ระดับผู้บริหารระดับกลาง 55 9.6
ระดับผู้จัดการขึ้นไป 246 42.9
ระดับปฏิบัติการ 223 38.9
พนักงานสัญญาจ้าง 44 7.7
แบ่งตามช่วงอายุ
อายุ 46 ปี ขึ้นไป 81 14.1
อายุ 31- 45 ปี 365 63.6
อายุต่ำกว่า 30 ปี 128 22.3

การพัฒนาพนักงาน

บริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ ความสามารถและศักยภาพของพนักงานอย่างต่อเนื่องในทุกระดับให้เหมาะสมกับตําแหน่งงาน เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจบริษัท จึงมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรทุกสายวิชาชีพในทุกระดับ โดยผสมผสานทั้งการพัฒนาด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ ตลอดจนการปลูกฝังวัฒนธรรมและจริยธรรมขององค์กรควบคู่กัน เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และแนวทางในการดําเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท

โดยในปี 2566 บริษัทได้กำหนดเป้าหมายด้านการพัฒนาบุคลากรขึ้น ซึ่งกำหนดจำนวนหลักสูตรฝึกอบรมทั้งภายในและภายนอกรวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 41 หลักสูตร โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริม พัฒนาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ ความชำนาญในการทำงาน (Upskills & Reskills) ตลอดจนสร้างการตระหนักรู้ ทัศนคติใหม่ๆ ที่จำเป็นในการทำงานยุคปัจจุบันของบุคลากรในทุกระดับให้สอดรับ เป็นไปในทิศทางที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์องค์กร ตลอดจนส่งเสริมความก้าวหน้าในการเติบโตทางสายอาชีพ (Career Development) นำสู่การเพิ่มพูนระดับความผูกพันต่อองค์กร (Employee Engagement) ให้มากขึ้นซึ่งมีผลต่อความทุ่มเท และเอาใจใส่ในการทำงานเพื่อบรรลุงผลสำเร็จขององค์กรร่วมกัน ประกอบไปด้วยแนวปฏิบัติต่างๆ ได้แก่

ปี 2566 บริษัทมีการจัดหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับพนักงานรวมทั้งหมด 96 หลักสูตร ดังนี้

พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรม
405 คน
จำนวนชั่วโมงการฝึกอบรม
2,461 ชั่วโมง
จำนวนชั่วโมงฝึกอบรมเฉลี่ย (ชั่วโมง/คน/ปี)
5.47 ชั่วโมง

การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการ

บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการจ่ายค่าตอบแทนในรูปแบบของเงินเดือน โดยมีการกำหนดโครงสร้างของเงินเดือนที่เหมาะสมกับตลาดแรงงานในธุรกิจประเภทเดียวกันได้ กลุ่มบริษัทจะพิจารณาเงินเดือนจากศักยภาพ หน้าที่ความรับผิดชอบ ความรู้ความสามารถของพนักงานในแต่ละตำแหน่งงาน ทั้งนี้กลุ่มบริษัทได้กำหนดให้มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนประจำปีและโบนัสให้แก่พนักงานตามผลประเมินการทำงานประจำปีของพนักงานและและผลการดำเนินงานของบริษัท โดยกำหนดให้มีระบบการประเมินผลและการตัวชี้วัดผลการทำงานที่ชัดเจนของพนักงานในทุกคนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่พนักงาน

บริษัทได้จัดให้มีสวัสดิการสำหรับพนักงานที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับพนักงานทุกคนทุกระดับ เพื่อดูแลพนักงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้

ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพ
สำหรับพนักงานทุกคนและทุกระดับ โดยพนักงานจะได้รับสิทธิและผลประโยชน์ตามแผนของกรมธรรม์ตามที่บริษัทกำหนดไว้ในแต่ละตำแหน่งงาน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
พนักงานสามารถสมัครเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทได้หลังจากผ่านระยะเวลาทดลองงานตามความสมัครใจ โดยบริษัทจะกำหนดอัตราเงินสมทบของบริษัท ตามอายุงานของพนักงาน
การตรวจสุขภาพประจำปี
เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของพนักงาน โดยพนักงานที่มีอายุงาน 1 ปี ขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพตามที่บริษัทได้จัดให้เป็นประจำทุกปี
เครื่องแบบพนักงาน
บริษัท จัดให้มีเครื่องแบบแก่พนักงานเป็นประจำทุกปี โดยจะพิจารณาเครื่องแบบตามความเหมาะสมของลักษณะการทำงาน
เงินช่วยเหลือในกรณีต่างๆ
บริษัท จัดให้มีเงินสำหรับช่วยเหลือพนักงานในกรณีต่างๆ ได้แก่
  • เงินช่วยเหลือการสมรส
  • เงินช่วยเหลือเพื่อแสดงความเสียใจต่อบุคคลครอบครัวพนักงานเสียชีวิต
การจัดของเยี่ยมพนักงาน
พนักงานที่รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือพนักงานที่คลอดบุตร โดยบริษัท จะจัดส่งของเยี่ยมให้แก่พนักงาน
วันหยุดในวันคล้ายวันเกิดพนักงาน
บริษัท เพิ่มวันหยุดให้แก่พนักงานอีก 1 วัน ในวันคล้ายวันเกิดของพนักงาน โดยพนักงานสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ภายในเดือนเกิดของพนักงาน
การลาคลอดของพนักงานชาย กรณีที่ภรรยาคลอดบุตร
พนักงานชายที่ภรรยาคลอดบุตรสามารถใช้สิทธิวันลาคลอดบุตรได้ 15 วัน โดยการลานั้นจะต้องอยู่ในช่วงระยะเวลา 90 วันที่ภรรยาคลอดบุตร โดยจะลาต่อเหนื่องหรือไม่ต่อเนื่องก็ได้
การลาเพื่อสมรส
พนักงานทีทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี สามารถมีสิทธิลาเพื่อประกอบพิธีสมรสได้ไม่เกิน 5 วัน โดยได้รับค่าจ้างจากบริษัท
ลาเพื่อฌาปนกิจศพ
พนักงานสามารถลาเพื่อฌาปนกิจศพ บิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตร ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้ครั้งละไม่เกิน 5 วัน โดยได้รับค่าจ้าง
เงินช่วยเหลือทุนการศึกษาบุตรพนักงาน
บุตรของพนักงานที่มีคุณสมบัติตามที่บริษัทกำหนด สามารถรับทุนการศึกษาจากบริษัทได้ปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท ต่อบุตรพนักงาน 1 คน โดยจำกัดบุตรพนักงาน 2 คน ต่อพนักงาน 1 คน
งานเลี้ยงประจำปี
บริษัทจัดให้มีงานเลี้ยงประจำปี เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเพื่อให้พนักงานได้ผ่อนคลายจากการทำงาน
ห้องออกกำลังกาย (Fitness)
บริษัทจัดให้มีห้องออกกำลังกาย (Fitness) สำหรับพนักงานได้ใช้ออกกำลังก่อนและหลังเลิกงาน

คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ

บริษัทจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการ โดยการเลือกตั้งของพนักงานในบริษัท โดยคณะกรรมการสวัสดิการจะเป็นตัวแทนของพนักงานในการแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายด้านสวัสดิการและการดูแลความเป็นอยู่ของพนักงานภายในบริษัท

ในปี 2566 บริษัทได้จัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ซึ่งเป็นตัวแทนจากฝ่ายลูกจ้าง เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2566

คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ มีขอบเขตอำนาจหน้าที่ ดังนี้

  1. ร่วมหารือกับนายจ้างเพื่อจัดสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
  2. ให้คำปรึกษาหารือและเสนอแนะความคิดเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
  3. ตรวจตรา ควบคุม ดูแล การจัดการสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง
  4. เสนอข้อคิดเห็น และแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

บริษัทได้จัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักงานเพื่อส่งเสริมการออมและสร้างหลักประกันให้แก่พนักงานและครอบครัว และเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่พนักงาน โดยเป็นการสมัครใจของพนักงานในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งพนักงานสามารถเลือกแผนการลงทุนตามที่พนักงานต้องการ และบริษัทจะจ่ายเงินสมทบให้กับพนักงานในแต่ละรายในอัตราเงินสมทบที่ขึ้นอยู่กับอายุงานของพนักงานแต่ละราย

การส่งเสริมการออม และการวางแผนความมั่นคงทางการเงินแก่พนักงาน

บริษัทส่งเสริมการออมทรัพย์มและการสร้างความมั่นคงทางการเงิน การลงทุนให้แก่พนักงาน เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการทางการเงินในระยะยาว โดยการจัดให้มีการอบรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการจัดการการเงินให้เหมาะสมกับรายได้ ช่วงอายุ และความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผ่านหลักสูตรการอบรมดังนี้

  • หลักสูตร “การวางแผนสู่ความมั่งคั่ง (เกษียณรวย)” เพื่อส่งเสริมความรู้ และการวางแผนในการออมเงิน การจัดสรรเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และการลงทุนเพื่ออนาคตในวัยเกษียน โดยวิทยากร โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ (Money Coach) ผู้สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยมีพนักงานเข้าร่วมการอบรมจำนวน 97 คน และมีผลความพึงพอใจในการอบรมที่ 56%
  • กิจกรรม “Talk หุ้นกู้ ASW” เพื่อสื่อสารถึงการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการลงทุนแก่พนักงานที่มีความสนใจ

- ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

บริษัทกำหนดให้มีนโยบายด้านความปลอดภัยสุขอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการทำงานของพนักงาน และกำกับดูแลให้พนักงานปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทั้งในสำนักงานใหญ่และสำนักงานโครงการ โดยยึดปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับด้านความปลอดภัย พร้อมการจัดกิจกรรม การสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัทและการฝึกอบรม เพื่อสร้างความตระหนักของพนักงานทุกคน

ในส่วนของสำนักงานใหญ่ ได้จัดให้มีการควบคุมความปลอดภัยของอาคารสถานที่ทำงาน กำหนดแผนการตรวจสอบซ่อมแซมอาคาร อุปกรณ์สำนักงาน ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง ระบบดับเพลิงประจำปี การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นระเบียบ สะอาด เพื่อเอื้อต่อความสะดวกและคุณภาพที่ดีในการทำงานของพนักงาน การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพอนามัยของพนักงาน และการจัดอบรมให้ความรู้พนักงานในเรื่องความปลอดภัย

สำหรับโครงการก่อสร้าง จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร และการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ.2551 และตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ.2564 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.) ประจำในพื้นที่โครงการก่อสร้าง เพื่อควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด จัดทำรายงานความปลอดภัยของโครงการก่อสร้าง การตรวจสอบความปลอดภัย การให้ความรู้ ข้อคำแนะนำ และร่วมแก้ไขสภาพงานที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับบริษัทผู้รับเหมา เพื่อควบคุมความปลอดภัยในด้านต่างๆ ในขณะที่มีการก่อสร้าง รวมถึงการรักษาความสะอาด สุขอนามัยภายในโครงการก่อสร้างและชุมชนข้างเคียงโครงการก่อสร้าง ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานต้องระมัดระวังอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอนของการทำงานทั้งด้านการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย การระมัดระวังและความชำนาญในทำงานที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายทั้งต่อผู้ทำงานและชุมชนข้างเคียง

สถิตความปลอดภัย ประจำปี 2566
ข้อมูลความปลอดภัย หน่วย จำนวนพนักงาน จำนวนผู้รับเหมา บุคคลภายนอก
อัตราการเกิดอุบัติเหตุ ครั้ง 2 ไม่มี ไม่มี
อัตราผู้ได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน คน 2 ไม่มี ไม่มี
อัตราวันหยุดงานจากการบาดเจ็บในการทำงาน วัน ไม่มี ไม่มี ไม่มี
อัตราคนหยุดงานจากการบาดเจ็บในการทำงาน คน ไม่มี ไม่มี ไม่มี
จำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงาน คน ไม่มี ไม่มี ไม่มี
แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan (BCP)

บริษัทจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในสภาวะวิกฤติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ทั้งที่เกิดจากภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือการมุ่งร้ายต่อกลุ่มบริษัท โดยไม่ให้สภาวะวิกฤตหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มบริษัท ต้องหยุดการดำเนินงาน หรือไม่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง

แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัทใช้รับรองสถานการณ์ กรณีเกิดสภาวะวิกฤตหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่สำนักงานของบริษัท หรือภายในกลุ่มบริษัท ด้วยเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อไปนี้

เหตุการณ์สภาวะวิกฤต ผลกระทบ
เหตุการณ์สภาวะวิกฤต ด้านอาคาร/สถานที่ปฏิบัติงานหลัก ด้านวัสดุอุปกรณ์ที่สำคัญ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลที่สำคัญ ด้านบุคลากรหลัก ด้านคู่ค้า/ผู้ ให้บริการ/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
อัคคีภัย (ไฟ้ไหม้)
อุทกภัย (น้ำท่วม)
การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ (โรคระบาด)

นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดให้มีแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Business Continuity Management Procedure for Information Technology) เพื่อรองรับเหตุการณ์ในสภาวะวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท เพื่อดูแลข้อมูล ระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ และมีวิธีการในกระบวนการกู้คืน (Recovery Steps) ที่ถูกต้องและเหมาะสม

ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร

บริษัทกำหนดแนวทางในการสร้างความผูกพันและรักษาพนักงาน เพื่อให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัท โดยในปี 2566 บริษัทได้จัดทำแบบสำรวจความผูกพันต่อองค์กร ประจำปี 2566 (Employee Engagement Survey) เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการได้รับทราบถึงความคิดเห็นและความต้องการของพนักงานที่มีต่อบริษัท แบบสำรวจความผูกพันต่อองค์กร ประจำปี 2566 (Employee Engagement Survey) บริษัทได้ร่วมทำแบบประเมินดังกล่าวนี้กับบริษัทที่ปรึกษา โดยการสำรวจความผูกพันต่อองค์กรเป็นแนวคิดในการสร้างประสบการณ์ที่ดี (Employee Experience Model) ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมที่พนักงานแสดงออกมาว่ามีความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารจัดการบุคลากร การดำเนินงานภายในองค์กร การให้ความสำคัญกับลูกค้าและผลประกอบการองค์กร การสำรวจความผูกพันต่อองค์กรมีดังนี้

Say
พนักงานพูดถึงองค์กรในทางบวกเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน ศักยภาพในการทำงานของพนักงาน และการสนองต่อลูกค้าอย่างไร?
Stay
พนักงานมีความต้องการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอย่างไร?
Strive
พนักงานมีแรงจูงใจและมุ่งมั่นในการอุทิศตัวเพื่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร?

การสำรวจความผูกพันต่อองค์กร ประจำปี 2566 มีพนักงานเข้าร่วมทำการสำรวจที่ 95% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด และมีผลสำรวจความผูกพันต่อองค์กรที่ 60% ซึ่งจัดอยู่ในระดับที่ดี เมื่อเทียบเท่ากับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

บริษัทมุ่งสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่มีความหลากหลายและเหมาะสมกับลูกค้าอย่างมากที่สุด โดยเชื่อว่าลูกค้าคือหนึ่งในหัวใจที่สำคัญของการสร้างสรรค์และพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดี และสามารถเติมเต็มทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้จริง

พื้นที่โครงการอยู่ในทำเลคุณภาพ
สามารถเดินทางสะดวกใกล้แหล่งคมนาคมที่สำคัญและแวดล้อมด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกที่สำคัญ รวมถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่มีความสุข
ในการดูแลลูกค้าและการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง
ทุกโครงการออกแบบเป็นเอกลักษณ์
พัฒนาแบบห้องหลายรูปแบบที่เข้าใจการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย และเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่ล้ำสมัย เน้นความสะดวกสบายและปลอดภัยในการพักอาศัย
พื้นที่ส่วนกลางรองรับไลฟ์สไตล์ของทุกคน
การจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่และมีความหลากหลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน เพื่อตอบโจทย์การพักอาศัยและไลฟ์สไลต์ของผู้อยู่อาศัย

การพัฒนาสินค้าและบริการ

บริษัทเข้าใจถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัย จึงพัฒนาโครงการทุกโครงการภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงด้านของการออกแบบและสร้างสรรค์ Facility ภายในโครงการ ได้ตรงใจผู้อยู่อาศัยและสร้างความสุขได้จริง พิสูจน์ได้จากเสียงตอบรับของผู้ที่เข้ามาพักอาศัยในโครงการ โดยทางกลุ่มบริษัทได้ยึด 5 แกนหลักในการออกแบบและสร้างสรรค์พื้นที่ส่วนกลางเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกมิติของคนทุกวัย

Live:

พื้นที่ส่วนกลางเพื่อการใช้ชีวิต ในโครงการคอนโด อาทิ พื้นที่ Lobby แต่ละอาคาร สวนส่วนกลาง สระว่ายน้ำทั้งรูปแบบ Freeform และสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิก Co-Kitchen เพราะครัวในห้องชุดคอนโดจะมีขนาดกะทัดรัด จึงมีครัวส่วนกลางให้ลูกบ้านสามารถจัดปาร์ตี้พร้อมอุปกรณ์ที่ครบครัน ห้อง Karaoke Room ห้อง Private Theater, Gym Studio นอกจากนี้ยังมีห้องซาวน่าและจากุชชี่ให้ได้ผ่อนคลาย ในส่วนโครงการแนวราบ มีจุดเด่นของโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อเปิดพื้นที่ให้สมาชิกในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันสามารถออกกำลังกายท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วย Facilities ครบครัน ด้วยการรองรับการใช้งาน EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่หลากหลาย

Work:

พื้นที่ที่ตอบโจทย์การทำงาน ทั้งผู้อาศัยที่ต้อง Work From Home และนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยออกแบบให้มีพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าเป็นการนั่งทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำการบ้านเงียบๆ คนเดียว หรือในพื้นที่ที่ต้องการการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการแบ่งโซนให้เลือกใช้อย่างชัดเจน เช่น Co-Working ในหลากหลายสไตล์เพื่อความไม่จำเจ ห้อง Co-Living & Lounge และ Double Volume Co-working Space สำหรับการทำงานแบบ Work From Home ห้อง Meeting Room รองรับการประชุมออนไลน์

Health:

: บริษัทส่งเสริมการดูแลสุขภาพของลูกค้าด้วยการตั้ง “Health Station” สถานีสุขภาพที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจที่จะยกระดับการพักอาศัย ในด้านสุขภาพให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งในเรื่องเรื่องของการออกแบบโครงการ วัสดุที่เลือกใช้ การให้ความรู้แก่บุคลากร ไปจนถึงกิจกรรมกับลูกบ้านผู้พักอาศัย กลุ่มบริษัทจึงได้พัฒนา Platform เพื่อรองรับ การบริการ Virtual Hospital โดยความร่วมมือจากโรงพยาบาลชั้นนำ และพัฒนา Health Station ซึ่งรวบรวมอุปกรณ์การดูแลสุขภาพเบื้องต้นไว้ให้แก่ลูกบ้านอย่างครบครัน อาทิ Tytocare นวัตกรรมตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้นที่แพทย์ใช้ตรวจอาการของผู้ป่วยผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างเรียลไทม์ ลดการเดินทาง และการสัมผัสติดต่อใกล้ชิดเครื่องคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI)เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED)เครื่องวัดความดันชนิดสอดแขน

Play:

พื้นที่ที่ถูกออกแบบบนพื้นฐานที่หลากหลาย เช่น การติดตั้งระบบ Blutooth Sound System เพื่อการดูหนังฟังเพลงภายในห้องอย่างผ่อนคลาย ระบบ LED Lighting Motion Sensor เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว ช่วยเปิด / ปิดไฟอัตโนมัติใต้เตียง เพื่อความสะดวกและปลอดภัยยามค่ำคืน นอกจากนี้ ยังสร้างสรรค์ Facilities ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์กิจกรรมของกลุ่มผู้พักอาศัย โดยเฉพาะโครงการ Campus Condo อย่าง Kave เช่น ห้อง E-Sports Room และ VR Room สำหรับลูกค้าที่ความสนใจในการเล่นเกมส์ ห้อง Theater Room สำหรับการดูหนัง ไปจนถึงการพัฒนาระบบออนไลน์แอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็วของผู้ใช้งาน

Learn:

ด้วยความที่คอนโดของกลุ่มบริษัทที่โดดเด่นจะอยู่ในส่วนของคอนโดมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ บริษัทจึงเตรียมพื้นที่ให้นักศึกษาสำหรับทำงานและการเรียนออนไลน์ให้เหมาะกับความต้องการทั้งแบบนั่งทำการบ้านคนเดียวและทำงานเป็นกลุ่ม มีหลากหลาย Design เพราะเข้าใจถึงไลฟ์สไตล์แต่ละคนที่ต้องการใช้พื้นที่ในการเรียนรู้ที่ต่างกัน เช่น ห้อง Reading Corner ห้อง Workshop Room ห้อง Study Area ห้อง Library เป็นต้น

นวัตกรรมทางธุรกิจ

WisePark: The Next Urban Community for All Gens

โครงการ Wisepark : The next Urban Community for All Gens ถือเป็นมิกซ์ยูสแห่งแรกของกลุ่มบริษัท ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 33 ไร่ เป็นโครงการเป็นมิกซ์ยูสใหม่ล้ำสมัยครบวงจรแห่งใหม่ประกอบด้วย โครงการมิงเกิ้ล มอลล์ (Mingle Mall) คอมมูนิตี้มอลล์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย, โครงการ แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท, WISEPARK PAVILION, LINEAR GARDEN และยังได้เนรมิตพื้นที่สีเขียวในโครงการกว่า 12 ไร่ เพื่อให้คุณได้อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า

บริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการออกแบบโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตจึงได้พัฒนาโครงการภายใต้นวัตกรรมแห่งแนวคิด “WISECOLOGY เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบทั้งในวันนี้ และอนาคต” โดยมีเป้าหมายเป็นเมืองแห่งสุขภาวะที่ดี สร้างสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ปลอดภัยเป็นมิตรและยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยี, ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อม มาต่อยอดเพื่อยกระดับคุณภาพของการอยู่อาศัยรองรับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดี ใส่ใจในรายละเอียดทั้งด้านความปลอดภัย ความทันสมัย สุขอนามัย และการใช้ชีวิตแบบยั่งยืนสำหรับลูกบ้าน ทุกเพศ ทุกวัย ทุก Generation รวมทั้งชุมชนโดยรอบภายใต้ 3 แนวคิดหลัก ดังนี้

Smart Living “การคิดเพื่อสร้างสรรค์สังคมแห่งความสะดวกสบายและปลอดภัย”

ทั้งในด้านการเดินทางที่สะดวกสบาย การเตรียมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อความปลอดภัยในทุกความเป็นอยู่ ดังนี้

  • Transportations Center เชื่อมต่อทุกการเดินทางสู่อนาคตที่สะดวกสบายด้วยทำเลตั้งอยู่พื้นที่ศักยภาพย่านมีนบุรีที่สามารถเชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองและออกนอกเมืองได้สะดวกสบาย ใกล้สถานีรถไฟฟ้า
  • Convenience Lifestyle สิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ แวดล้อมไปด้วยศูนย์การค้า สถานศึกษา ตลาดสด ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล พร้อมบริเวณด้านหน้าโครงการเป็นที่ตั้งของ “มิงเกิ้ล มอลล์” คอมมิวนิตี้มอลล์ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Definition of The Relaxing” แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย บรรยากาศสีเขียวร่มรื่นเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบครบวงจรในที่นี่ที่เดียว
  • Security Intelligence นวัตกรรมเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย 5 ชั้น ตั้งแต่เข้าโครงการไปจนถึงพื้นที่ที่อยู่อาศัย ควบคุมการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางด้วยระบบคีย์การ์ดสามารถมั่นใจในคุณภาพการอยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Sustainable Life “การคิดเพื่อคนทุกรุ่น ทั้งในวันนี้และอนาคต”

ออกแบบพื้นที่เพื่อให้ตอบโจทย์คนทุกรุ่น ด้วยยูนิตที่เป็น All Gens Series ภายใต้แนวคิด "Multi Dimension for Multi Lifestyle" ทั้ง Extensive Space การออกแบบพื้นที่ของห้องพักให้กว้างขวาง มาพร้อม Adaptive Design ฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่า และสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เพื่อสอดรับกับ Flexible Lifestyle ที่มีความยืดหยุ่นสูง รองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนทุกวัย และยังยกระดับการมีสุขภาพที่ดีด้วย Ensured Safety and Health บริการดูแลสุขภาพ Health Service ด้วย AssetWise Health Station ที่ตรวจสุขภาพของคุณได้ทุกวัน รวมทั้งมีพันธมิตรที่เข้ามาร่วมดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัย อย่าง Application for Health เชื่อมต่อกับแพทย์ออนไลน์ มั่นใจในการดูแลสุขภาพตลอด 24 ชม. (Telemedicine) และ DoCare by SCG เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัยและป้องกันสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และรับเทรนด์ Healthy Lifestyle ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Environment Friendly “การคิดเพื่อรักษ์โลก”

ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ เพื่อให้เราได้อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Growgreen” เพื่อสร้าง Community ที่เกื้อหนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในแง่ของการพักอาศัย สิ่งแวดล้อมและสังคม ภายใต้ 5 แกนหลัก

  • Green Space: การออกแบบและสร้างพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • Energy Efficiency: การออกแบบการใช้พลังงานในอาคารอย่างคุ้มค่า
  • Waste Management: เพื่อให้การจัดการขยะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • Water Saving: การคำนึงเรื่องใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Clean Air: แอสเซทไวส์ใส่ใจในเรื่องการมีอากาศที่สะอาด โดยเน้นการเลือกวัสดุก่อสร้างที่ลดปริมาณการสร้างมลพิษในอากาศ
Well Aesthetic & Wellness Center: ศูนย์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความงามแบบครบวงจร

บริษัทตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ด้วยการเปิดตัว “Well Aesthetic & Wellness Center” ศูนย์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความงามแบบครบวงจร บนทำเลศักยภาพ รัชดาภิเษก-ลาดพร้าวซึ่งเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว และรถไฟฟ้า MRT ภายใต้แนวคิด “Wellbeing” เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพ ชูจุดเด่นบริการแบบ One on One Service และเครื่องมือที่ทันสมัยครบครัน พร้อมด้วยบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้รักสุขภาพและความงามทุกเจเนอเรชั่น

“Well Aesthetic & Wellness Center” พื้นที่อาคารเช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม ที่โดดเด่นด้วยการนำนวัตกรรมสุดทันสมัย ได้การรับรองความปลอดภัยจากกระทรวงสาธารณสุขของไทยและได้มาตรฐานในระดับสากล รวมถึงการให้บริการแบบ One on One Service ที่ผู้ใช้บริการยังสามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพแบบเฉพาะตัวกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ปลอดภัยแบบไร้กังวล ประกอบไปด้วยศูนย์สุขภาพ และธุรกิจชั้นนำด้านสุขภาพและความงามถึง 7 ศูนย์

  • Care D Center ศูนย์บริการด้านสุขภาพแบบไม่ต้องนอนพักฟื้น ได้แก่One Day Surgery ศูนย์ผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งไม่ต้องนอนพักค้างคืนที่คลินิก Care-D Pharmacy ศูนย์รวมยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และSleep Coach Thailand แก้ปัญหาด้านการนอนหลับแบบครบวงจร
  • Plearn Skin Clinic คลินิกผิวหนัง ความงาม และเลเซอร์
  • Surkin Clinic คลินิกความงาม ปรับรูปหน้า และศัลยกรรมจักษุเฉพาะทาง
  • BellyBurn Pilates Lab สตูดิโอสอนพิลาทิส ที่โดยครูผู้สอนมืออาชีพ
  • The Standard Aesthetic Clinic คลินิกความงามกับแนวคิด The Standard Clinic Beyond Standard
  • Aestheta Wellness and Aesthetic Center ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ฟื้นฟูสุขภาพและความงามทุกวัย
  • Bangkok New Smile Dental Clinic คลินิกทันตกรรมเพื่อความงามแบบครบวงจร

สำหรับพื้นที่อาคาร “Well Aesthetic & Wellness Center” เป็นอาคารสูง 4 ชั้น ออกแบบภายใต้แนวคิด “Moving Forword for Wellbeing” เน้นเส้นสายและลวดลายที่มี Movement สะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่งด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย และแสดงถึงความอ่อนโยน นุ่มนวล ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นมิตร และการให้บริการที่เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า

การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

AssetWise Club

AssetWise Club มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการอยู่อาศัยให้กับสมาชิก ภายใต้ CONCEPT: Extra Ordinary Day “วันธรรมดา....ที่แสนพิเศษ” ที่จะทำให้ ทุกช่วงเวลาเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ ผ่านกิจกรรมและสิทธิพิเศษมากมาย ให้ทุกวันเป็นวันที่ดี

  • ก่อนใคร ในการได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น การชมภาพยนตร์รอบพิเศษ เป็นต้น
  • พิเศษกว่า ด้วยการ Collaboration กับแบรนด์ชั้นนำ เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมและ Privilege ที่มีความแตกต่าง
  • ประสบการณ์ใหม่ ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษ เช่น ร้านอาหารจองยาก ระดับ Michelin Star
  • บริการส่วนลดพิเศษด้านการท่องเที่ยวที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับสมาชิก
  • ระบบการจัดการ Privilege ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วย privilege ที่มีความหลากหลาย อำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกด้วยการเชื่อมต่อ ผ่าน Line OA และสามารถนำข้อมูลเพื่อวิเคราะห์เพื่อออกแบบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
Food
รับประทานอาหารร้านดัง top Chef
Movie
ชมภาพยนต์รอบพิเศษก่อนใครรอบสื่อมวลชนและเสาร์แรก
Travel
ท่องเที่ยวแบบ Exclusive กับ KOL ขื่อดัง
Amedventure
กิจกรรม X-treme สำหรับผู้ที่ชื่อชอบความท้าทาย
Entertainment
บัตรชมการแสดง Concert party ชื่อดัง
Sports
บัตรชมภาพยนต์แข่งขัน ฟุตบอลหรือกีฬาที่นั่งพิเศษ
AssetWise Privilege

บริษัทส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านในโครงการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “The Ultimate Living Experience Privilege” โดยร่วมกับพันธมิตรในกลุ่มต่างๆ จัดสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อมอบให้แก่ลูกค้าโครงการ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ อาหาร การอยู่อาศัย การท่องเที่ยว และการให้บริการต่างๆ อย่างครอบคลุม ทั้งด้าน สุขภาพ อาหาร ที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยง และบริการต่างๆ

ช่องทางแสดงความคิดเห็น แจ้งข้อร้องเรียน หรือแนะนำ ของลูกค้า

บริษัทเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็น แจ้งข้อร้องเรียน หรือแนะนำแก่บริษัท โดยบริษัทจะนำข้อคิดเห็น หรือข้อแนะนำที่ได้รับมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาและปรับปรุงสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุด

ช่องทางแสดงความคิดเห็น แจ้งข้อร้องเรียน หรือแนะนำ

หลังจากได้รับข้อร้องเรียนจากลูกค้า บริษัท ได้กำหนดวิธีการดำเนินการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน ดังนี้

  • หน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าและประสานงานให้ผู้เกี่ยวข้องติดต่อลูกค้ากลับเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
  • ติดตามข้อสรุปการแก้ไขข้อร้องเรียนจากผู้เกี่ยวข้องหลังจากได้รับข้อร้องเรียน เพื่อบันทึกผลการดำเนินการ พร้อมติดตามผลการแก้ไขข้อร้องเรียนตามแผนการแก้ไขนั้น ๆ
  • เมื่อดำเนินการแก้ไขข้อร้องเรียนแล้ว ฝ่ายที่ดำเนินการแจ้งหลักฐานการแก้ไขให้กับหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน เพื่อปิดเรื่องร้องเรียนตามระยะเวลาที่ยืนยันกับผู้ร้องเรียน
  • นำข้อร้องเรียนมาจัดทำเป็น Q&A เพื่อสื่อสารในกรณีเกิดเหตุการณ์ครั้งต่อไป
การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

ในปี 2566 บริษัทได้จัดให้มีการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าต่อภาพรวมของโครงการในกลุ่มบริษัท โดยกำหนดลำดับการสอบถามความพึงพอใจของลูกค้า ดังนี้

Site Visit Contract Transfer Living
CS1 CS2 CS3 CS4
  • ทำเล
  • การออกแบบโครงการ
  • การนำเสนอสินค้าของพนักงานขาย
  • คุณจะแนะนำโครงการนี้ให้กับคนรู้จักหรือไม่
  • การให้บริการของพนักงาน
  • การให้บริการของแม่บ้าน
  • การให้บริการของพนักงานรักษาความปลอดภัย
  • คุณจะแนะนำโครงการนี้ให้กับคนรู้จักหรือไม่
  • การให้บริการของพนักงาน
  • วัสดุและคุณภาพงานก่อสร้าง
  • คุณจะแนะนำโครงการนี้ให้กับคนรู้จักหรือไม่
  • ความพึงพอใจในการพักอาศัย
  • ความพึงพอใจในการให้บริการงานซ่อม

บริษัทกำหนดให้ความพึงพอใจของลูกค้าเป้าหมายของตัวชี้วัดในระดับองค์กร ทั้งนี้ ในปี 2566 รายละเอียดผลความพึงพอใจของลูกค้า ดังนี้

ความพึงพอใจของลูกค้า เป้าหมาย ผลความพึงพอใจของลูกค้า
ความพึงพอใจต่อสินค้า
ความพึงพอใจในทำเล 85% 97%
ความพึงพอใจในการออกแบบ 85% 95%
ความพึงพอใจต่อคุณภาพวัสดุ 90% 86%
ความพึงพอใจต่อคุณภาพงานก่อสร้าง 85% 82%
ความพึงพอใจในบริการ
ความพึงพอใจต่อบริการด้านงานขาย 85% 99%
ความพึงพอใจต่อบริการด้านงานโอนกรรมสิทธิ์ 95% 94%
ความพึงพอใจต่อบริการหลังการขาย 85% 73%
ความพึงพอใจต่อบริการหลังการขายของฝ่ายนิติบุคคล 85% 79%
การมีชื่อเสียงที่ดี
คณะการบอกต่อ: NPS Score (ลูกค้าที่เข้าอยู่อาศัยแล้ว) 17% 72.19%
คณะการบอกต่อ: NPS Score (ลูกค้าที่เข้าชมโครงการ) 17% 72.19%
คู่ค้าถือเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้เสียที่ช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัท ซึ่งคู่ค้าของกลุ่มบริษัทจะประกอบด้วยคู่ค้าประเภทผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมารายย่อย และคู่ค้าประเภทคู่ขาย โดยกลุ่มบริษัทและคู่ค้ามุ่งในการทำงานร่วมกันและช่วยเหลือส่งเสริมซึ่งกันและกันในการทำงาน เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า รวมถึงการร่วมในการพัฒนาศักยภาพในการทำงาน การแก้ไขปัญหาจากการทำงาน เพื่อให้เติบโตไปอย่างพร้อมกันได้ในระยะยาว นอกจากนี้ยังได้มีการจัดให้มีช่องทางสำหรับให้คู่ค้าสามารถแสดงความคิดเห็น หรือร้องเรียนในเรื่องต่างๆ เพื่อให้กลุ่มบริษัทได้นำข้อเสนอแนะหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการร้องเรียนมาแก้ไขและพัฒนาการทำงานร่วมกันกับคู่ค้าต่อไป

การพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าผู้รับเหมา

ผู้รับเหมาถือเป็นคู่ค้าหลักที่มีความสำคัญในกระบวนการทำงานตามห่วงโซ่คุณค่าของกลุ่มบริษัท กลุ่มบริษัทจึงร่วมกับผู้รับเหมาในการพัฒนางานก่อสร้างโครงการของกลุ่มบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานการก่อสร้าง ทั้งในด้านของคุณภาพงานก่อสร้าง ระยะเวลาและความคืบหน้าในการก่อสร้าง ปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างพร้อมแนวทางในการแก้ไขปัญหา และด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนเพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถ นวัตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานก่อสร้างโครงการของบริษัท

  • การร่วมตรวจสอบการก่อสร้างตามมาตรฐานงานก่อสร้างกับบริษัท เพื่อร่วมกันวางแผนการทำงาน การสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงการหาแนวทางในการพัฒนางานก่อสร้าง รวมทั้งสรุปปัญหาที่เกิดระหว่างการก่อสร้างพร้อมร่วมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
  • การอบรมให้ความรู้แก่ผู้รับเหมาถึงกระบวนการและมาตรฐานงานก่อสร้าง ทั้งในส่วนของงานโครงสร้าง งานระบบประกอบอาคาร งานระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล เป็นต้น เพื่อพัฒนาทักษะฝีมือในวิชาชีพให้แก่ผู้รับเหมา ให้สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการและมาตรฐานของบริษัท

การพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานในโครงการก่อสร้าง

โครงการที่มุ่งเน้นให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขในการทำงาน เช่น ระบบสาธารณูปโภค ความสะอาด และความปลอดภัยต่างๆ เป็นต้น ตลอดจนการดูแลผู้ติดตามแรงงาน(หากมี) เช่น การผลักดันให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือ สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กระหว่างที่พ่อแม่ไปทำงานในโครงการ แอสเซทไวส์ได้ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็ก (ภายใต้ความร่วมมือกับ UNICEF) จะช่วยให้คำปรึกษาและให้องค์ความรู้กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่เป็นพาร์ทเนอร์ของแอสเซทไวส์ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายให้เกิดความยั่งยืนด้านแรงงาน ลดปัญหาการขาดแคลนด้านแรงงานในระยะยาวส่งผลดีต่อทักษะและความชำนาญในการทำงาน

บริษัทและมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็ก เซ็นสัญญายกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพ โดยใช้ “โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน : BSI” นำองค์ความรู้มาปรับใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้านแรงงานเพราะแรงงานคือทรัพยากรบุคคลที่เป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

บทบาทในการดำเนินงาน
  • มูลนิธิบ้านเด็ก : ให้คำแนะนำในการดำเนินงาน
  • บมจ.แอสเซทไวส์ : ผู้สนับสนุนภาคีและประสานงานให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี
  • บริษัทผู้รับเหมา : บริหารจัดการแคมป์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน

ทั้งนี้ มีผู้รับเหมาที่พร้อมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 2 บริษัท จาก 4 บริษัทที่เข้าร่วมรับฟังโครงการ ซึ่งทางมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็กได้มีการลงให้คำแนะนำ อบรมผู้ที่เกี่ยวข้องหน้างานเพื่อทำความเข้าใจเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยได้เริ่ม Kick off โครงการไปในไตรมาสที่ 2 ปี 2566

การช่วยเหลือแรงงานคุณภาพชีวิตแก่แรงงานผู้รับเหมา

บริษัทดูแลแรงงานผู้รับเหมาในโครงการก่อสร้างของบริษัท โดยได้มีการส่งมอบสิ่งของอุปโภค บริโภคเพื่อดูแล และสร้างความสุขให้แรงงาน เพราะเราเชื่อว่าแรงงานคือหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เราจึงมีแนวคิดในการดูแล และมอบความสุข เพื่อให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการสร้างที่อยู่อาศัยพร้อมส่งต่อความสุขอย่างมีคุณภาพจนถึงมือผู้อยู่อาศัย และเราพร้อมเคียงข้างทุกคนในทุกสถานการณ์

การพัฒนางานจัดซื้อจัดจ้าง

บริษัทเปิดโอกาสให้ที่มีความสนใจจะเข้ามาเป็นคู่ค้าของบริษัทสามารถเข้ามาลงทะเบียนเป็นคู่ค้ารายใหม่ของบริษัท ได้ที่ช่องทาง www.procurement.assetwise.co.th

โดยบริษัทจะจัดให้มีกระบวนการคัดเลือกคู่ค้าในการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นธรรม ตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังได้การสรรหาและพัฒนานวัตกรรมร่วมกับคู่ค้า ทั้งในนวัตกรรมวัสดุในการก่อสร้าง การจัดซื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดให้มีการประเมินคู่ค้า พร้อมสื่อสารผลการประเมินให้แก่คู่ค้าได้รับทราบเพื่อปรับปรุงพัฒนาคุณภาพงานให้ดีขึ้น

และเพื่อพัฒนางานจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทได้มีการหารือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องในประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ อาทิ การกำหนดราคากลาง การส่งมอบวัสดุ การจัดสรรงาน ผลการประเมินการทำงาน และปัญหาในการทำงาน โดยบริษัทจะนำผลการจากหารือที่ได้มาพัฒนากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทต่อไป

บริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม รวมถึงสนับสนุนในโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดังนี้
การดูแลชุมชนข้างเคียงโครงการก่อสร้างของบริษัท

ก่อนการพัฒนาโครงการของบริษัท ในทุกโครงการ บริษัทได้คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่ข้างเคียงโครงการ โดยถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของโครงการ หรือ Environmental Impact Assessment Report (EIA) เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ผลกระทบที่ชุมชนข้างเคียงจะได้รับการการก่อสร้างจากการสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของชุมชน การกำหนดแผนในการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากชุมชน การกำหนดแนวทางในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชุมชน รวมถึงการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนข้างเคียง

ในปี 2566 กลุ่มบริษัทไม่พบข้อร้องเรียนจากชุมชนในประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากจากการก่อสร้างโครงการ

พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนรอบโครงการ

คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน

บริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย และยั่งยืน ในทุกห่วงโซ่อุปทาน ชุมชนรอบโครงการจึงเป็นนกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่เราให้ความสำคัญเสมอมา โดยมีตัวอย่างการพัฒนาพื้นที่ชุมชนรอบโครงการ Modiz Vault Kaset Sripatum เช่น การลอกท่อระบายน้ำเสียภายในชุมชนพหลโยธิน 45 47 และ 49 เพื่อให้ท่อน้ำระบายน้ำเสียได้ดีขึ้น เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมขังเวลาฝนตก ตลอดจนการสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของตนในชุมชน

คนในชุมชน

การจัดการปัญหาขยะจึงเป็นการลดปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากขยะไปอุดตันท่อระบสยน้ำได้ในระยะยาว กลุ่มบริษัทจึงได้มีการลงไปให้ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะกับคนในชุมชน พร้อมกับพัฒนาแกนนำชุมชนให้มีทักษะการแยกขยะ เพื่อพัฒนาให้เป็นอาสาการจัดการขยะในงาน event ต่างๆ ของแอสเซทไวส์ เป็นการสร้างรายได้สู่ชุมชน ปัจจุบันมีอาสาของชุมชนที่มีทักษะ และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จำนวน 13 คน นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนอาชีพโดยทางสำนักงานขายได้สั่งขนมที่ผลิตจากคนในชุมชนไปต้อนรับลูกค้าที่สนใจโครงการ เป็นต้น

สนับสนุนร้านค้ารอบสำนักงานใหญ่และรอบโครงการ

กลุ่มบริษัทมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนรอบโครงการ จึงได้พัฒนาเครื่องมือ Line Official : ESG Shop เพื่อมุ่งส่งเสริมรายได้ให้แก่ร้านค้าที่อยู่บริเวณรอบๆ รอบโครงการให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อแอสเซทไวส์เริ่มพัฒนาโครงการ คุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่โดยรอบโครงการต้องได้รับการดูแลและเศรษฐกิจในชุมชนต้องได้รับการขับเคลื่อน โดยได้เริ่มดำเนินการกับร้านค้าบริเวณใกล้สำนักงานใหญ่ และรอบโครงการ Atmoz Oasis Onnut โดยชวนร้านค้าเข้าร่วมเป็นสมาชิกรวม 23 ร้าน ซึ่ง Line Official : ESG Shop จะเชื่อมโยงกับ Line Official : Punn และ Line Official : Growgreen โดยสมาชิกจากทั้ง 2 Line สามารถเข้าไปใช้บริการกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้

การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคม

ในปี 2566 กลุ่มบริษัทได้จัดโครงการหรือกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนและสังคม ดังนี้

โปรแกรมบันทึกกิจกรรมเพื่อสังคม

บริษัทพัฒนาโปรแกรมผ่าน Line Official ที่ชื่อว่า PunnSook เพื่อบันทึกการทำความดีและการเข้มร่วมกิจกรรมโดยมีการนำ point และใบประกาศณียบัตรเข้ามาเป็นรางวัลและสร้างความอิ่มเอมใจสำหรับผู้ร่วมกิจกรรมความดีทางด้านสังคม กิจกรรมที่มีการนำมาใช้ เช่น กิจกรรมบริจาคโลหิต เป็นต้น

กิจกรรม “หนึ่งหยดโลหิต ต่อชีวิตเครื่องเพื่อนมนุษย์”

บริษัทร่วมกับโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ตั้งจุดรับบริจาคโลหิตมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม “หนึ่งหยดโลหิต ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์” โดยเชิญชวนพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบริษัท (สำนักงานใหญ่) และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมบริจาคโลหิต โดยในปี 2566 บริษัทได้จัดกิจกรรมจำนวน 4 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตทั้งสิ้น 563 คน สามารถรวบรวมปริมาณโลหิตได้ถึง 202,050 ซีซี

นอกจากตั้งจุดรับบริจาคโลหิตที่สำนักงานใหญ่แล้ว ยังขยายขอบเขตการรับบริจาคไปที่ Mingle mall ด้วย และบริษัทยังสนับสนุนการใช้ Line OA : @PunnbyAssetWise เป็นเครื่องมือในการบันทึกการทำกิจกรรมบริจาคโลหิตของ นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ โดยผู้ที่ร่วมบริจาคโลหิตจะได้รับ Coin เพื่อนำไปแลกเป็นคูปองรับประทานอาหาร หรือซื้ออุปกรณ์การเรียนในร้านสหกรณ์ของวิทยาลัย

โครงการมอบตู้น้ำดื่มเย็น

บริษัทเห็นความสำคัญของน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบริโภคพื้นฐานของมนุษย์ ในปี 2566 จึงได้มอบตู้น้ำดื่มเย็น เพื่อให้บริการสำหรับผู้มาใช้บริการสวนสาธารณะในกรุงเทพมหานคร เป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายและการลดการใช้บรรจุภัณฑ์ จำนวน 7 ตู้ ได้แก่ สวนกีฬารามอินทรา สวนวัชราภิรมย์ สวนวชิรเบญจทัศ สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ สวนเสรีไทย สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน และสวนนวมินทร์ภิรมย์ โดยลดการใช้บรรจุภัณฑ์ (ขวด PET ขนาด 600 ml.) ได้ถึง 121,301.33 ขวด ลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 151,62.67 kg.CO2 เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1,685 ต้น

โครงการร้านปันกัน X AssetWise

บริษัทเห็นความสำคัญทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมกับร้านปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ รับบริจาคสิ่งของสภาพดี เพื่อจำหน่ายเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนทั่วประเทศ นอกจากจะช่วยเรื่องทุนการศึกษาแล้วยังสามารถช่วยเรื่องการลดขยะจากเสื้อผ้าได้อีกทางด้วย โดยได้จัดกิจกรรมปันกันที่สำนักงานใหญ่ทุกๆ 6 เดือน และยังได้เปิดร้าน “ ปันกัน X AssetWise ” ณ ศูนย์การค้า Mingle Mall เมื่อเดือนตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2566 มียอดขายทั้งสิ้น 1,718,177 บาท สามารถเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษาได้ถึง 245 ทุน นอกจากนั้นได้ขยายความร่วมมือไปยังโครงการคอนโดของ AssetWise ในปี 2566 จำนวน 11 แห่ง

โครงการ “ปันน้ำใจสู่สังคม”

บริษัทได้ช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการ “ปันน้ำใจสู่สังคม” ดังนี้

บริษัทสนับสนุนกิจกรรม "น้ำใสใจบำเพ็ญ" ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติ และทรัพยากรธรรมชาติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการสร้างประโยชน์ต่อพื้นที่ส่วนรวมโดยการเก็บขยะ และขุดลอกคูคลองภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

บริจาคน้ำดื่ม และตู้เติมน้ำดื่ม ให้กับมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ ในการจัดกิจกรรม #BIGDAY2023 : Saturday School GO UP! "Reaching new height in learning - ทุบสถิติการเรียนรู้ เปิดประตูสู่โลกกว้าง เป็นการช่วยลดขยะพลาสติก และสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม

แบ่งปันความรู้เรื่องการคัดแยกขยะ ในกิจกรรมค่ายลูกเสือ “Day Camp” ให้กับนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สื่อสารความรู้เรื่องปัญหา และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากขยะที่ส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ