นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสังคม

กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงคุณค่าทางด้านสังคม โดยบริษัทยึดมั่นอยู่เสมอว่า บริษัทจะก้าวหน้าพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ มีความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบอาชีพ และรับผิดชอบในการพัฒนาสังคมส่วนรวมให้มีความเจริญควบคู่กันไปโดยกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในด้านสังคม ดังนี้

สิทธิมนุษยชน

บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยยึดถือหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights: UDHR) มาเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่า

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทจึงได้มุ่งดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านในทุกขั้นตอนการดำเนินงานตามห่วงโซ่คุณค่าของกลุ่มบริษัท การจัดให้มีกระบวนการในการตรวจสอบประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและการประเมินความเสี่ยงในด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งกำหนดแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงและมาตรการป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะไม่มีการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการส่งเสริมคู่ค้าและพันธมิตรของบริษัทให้ตระหนักถึงการดำเนินงานที่เคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด

การกำกับดูแลด้านสิทธิมนุษยชนและการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทโดยคณะกรรมการบรรษัท ภิบาล ซึ่งคณะกรรมการชุดย่อยที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท โดยจะถูกบูรณาการไว้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการบริหารจัดการความยั่งยืนของบริษัท ในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษย์ รวมถึงการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท และถ่ายทอดไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน เช่น กลุ่มงานธุรกิจ หน่วยงานทรัพยากรบุคคล หน่วยงานจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานกิจการเพื่อสังคม เป็นต้น นอกจากนี้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงยังทำหน้าที่กำกับดูแลการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน โดยมีหน่วยงานบริหารความเสี่ยงทำหน้าที่รับผิดชอบในดูแลการดำเนินการต่างๆ เพื่อจัดการและตอบสนองต่อความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

เป้าหมายการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัท

เป้าหมาย
  • ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • พนักงานผ่านการอบรมความรู้นโยบายสิทธิมนุษยชน ร้อยละ 100
ผลการดำเนินงานปี 2567
  • ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  • พนักงานผ่านการอบรมความรู้นโยบายสิทธิมนุษยชน ร้อยละ 100

การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทได้บูรณาการด้านสิทธิมนุษยชนให้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซคุณค่า พร้อมทั้งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในการเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน โดยในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน ดังนี้

  1. ประกาศและทบทวนนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างทั่วทั้งองค์กร
  2. ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  3. กำหนดเป้าหมายผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
  4. มีกลไกการรับและตอบสนองต่อข้อร้องเรียน รวมถึงกำหนดมาตรการในการเยียวยาผลกระทบผ่านการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย กรณีเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  5. สื่อสาร อบรม เพื่อสร้างความตระหนัก ความรู้ ความเข้าใจแก่พนักงานทุกระดับอย่างต่อเนื่อง
  6. ส่งเสริมและสนับสนุนหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่า

การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence)

บริษัทการทบทวนแนวปฏิบัติการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน เพื่อที่จะระบุและประเมินประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทโดยครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อป้องกันและบรรเทา พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการจัดการความเสี่ยงในการละเมิดสิทธิมนุษยชน สำหรับใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานทั่วทั้งบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย

การประเมินผลด้านสิทธิมนุษยชน
  • ระบุประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของกลุ่มบริษัท
  • ระบุผู้มีส่วนได้เสียงหรือผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากการฝ่าฝืนและละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน
  • ประเมินระดับความรุนแรงของความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น
  • ประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจจะเกิดขึ้น
การติดตามประสิทธิผล
  • กำหนดมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
  • กำหนดผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานตามมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
  • ติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งทบทวนแนวทางให้ถูกต้องเหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
การเยียวยา
  • การกำหนดมาตรการเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการฝ่าฝืนหรือละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน
  • พิจารณาการเยียวยาโดยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามระดับความเสี่ยงและความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้นสูงก่อนเป็นลำดับแรก ตามด้วยผู้ที่ได้รับผลกระทบในกลุ่มอื่นๆ
ช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน
  • การกำหนดช่องทางการแจ้งเบาะแสและรับเรื่องร้องเรียนในการกระทำฝ่าฝืนหรือละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ตามนโยบายการแจ้งเบาะแสและรับข้อร้องเรียน
การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย
  • การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าในการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ตามนโยบายการแจ้งเบาะแสและรับข้อร้องเรียน

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทประเมินและระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ เพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน โดยพิจารณาจากโอกาสและผลกระทบของความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท โดยบริษัทได้ทำการประเมินความเสี่ยงไปพร้อมกับการประเมินความเสี่ยงองค์กรประจำปี รวมถึงการประเมินความเสี่ยงในขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ การตรวจสอบ Due Diligence การเข้าร่วมทุนซื้อซื้อกิจการ การวิเคราะห์และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจะมีส่วนร่วมในการประเมินและระบุประเด็นที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งร่วมพิจารณาถึงประสิทธิภาพของมาตรการบรรเทาผลกระทบ ซึ่งความเสี่ยงทั้งหมดจะถูกบริหารจัดการโดยกำหนดเป็นมาตรการ ตลอดจนแผนบริหารจัดการเพื่อรองรับและตอบสนองต่อความเสี่ยงตามความเหมาะสม

ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญตลอดห่วงโซคุณค่าของบริษัท

ห่วงโซ่คุณค่า ผู้มีส่วนได้เสีย ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เป็นสำคัญ
การสรรหาที่ดิน
  • เจ้าหนี้
  • ชุมชนท้องถิ่น
  • ผลกระทบระยะยาวจากโครงการของบริษัทต่อชุมชนท้องถิ่น
  • การปฏิบัติตามสัญญาและความสามารถในการชำระหนี้
การออกแบบ
  • คู่ค้า
  • ผลกระทบระยะยาวจากโครงการของบริษัทต่อชุมชนท้องถิ่น
การจัดการแหล่งเงินทุน
  • เจ้าหนี้
  • การปฏิบัติตามสัญญาและความสามารถในการชำระหนี้
การจัดซื้อ จัดจ้าง
  • คู่ค้า คู่ธุรกิจ
  • การใช้แรงงานผิดกฎหมายและการบังคับใช้แรงงาน
การตลาดและการขาย
  • คู่แข่ง
  • ลูกค้า
  • การแข่งขันอย่างเป็นธรรมและไม่เอาเปรียบทางการค้า
  • การคุกคามหรือการปฏิบัติไม่เหมาะสมต่อลูกค้า
  • การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
การบริหารงานก่อสร้าง
  • คู่ค้า คู่ธุรกิจ ผู้รับเหมา
  • ชุมชนท้องถิ่น
  • การใช้แรงงานผิดกฎหมายและการบังคับใช้แรงงาน
  • ผลกระทบระยะยาวจากโครงการของบริษัทต่อชุมชนท้องถิ่น
การตรวจสอบคุณภาพ
  • ลูกค้า
  • มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
การส่งมอบ
  • ลูกค้า
  • มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
การบริการหลังการขาย
  • ลูกค้า
  • การดูแลลูกค้าอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
การบริหารจัดการองค์กร
  • พนักงาน
  • ผู้ถือหุ้น
  • การละเมิดและการปฏิบัติต่อพนักงานที่ไม่เหมาะสม
  • สิทธิในความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้นทุกราย

การบริหารจัดการข้อร้องเรียนและการเยียวยาด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทจัดให้มีระบบการรับเรื่องร้องเรียนทั้งจากภายในและภายนอกเพื่อครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยการกำหนดนโยบายรับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส ซึ่งรวมถึงเรื่องร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนด้วย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการในการจัดการข้อร้องเรียนอย่างเหมาะสม ชัดเจน โปรงใสและเป็นธรรม รวมถึงการคุ้มครองผู้ร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส การเก็บรักษาข้อมูลความลับของผู้ร้องเรียนและแจ้งเบาะแส รวมถึงการกำหนดมาตรการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้หากเกิดกรณีการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนขึ้น บริษัทยังมีความมุ่งมั่นที่จะให้มีการเยียวยาต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม รวมถึงการไม่กีดกันหรือขัดขวางสิทธิของผู้ที่ได้รับผลกระทบในการที่จะเรียกร้องและเข้าถึงการกระบวนเยียวยาใดๆ ของบริษัท โดยบริษัทจะกำหนดมาตรการและวิธีการในการเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ทั้งในรูปแบบการเยียวยาทางทรัพย์สิน ได้แก่ ตัวเงิน ค่าเสียหาย ค่าชดเชย หรือ ค่าช่วยเหลือ หรืออาจเป็นสิ่งของตอบแทนหรือทดแทนในความเสียหายที่เกิดขึ้น และการเยียวยาอื่นๆ นอกจากทางทรัพย์สิน ได้แก่ การให้คำปรึกษา คำแนะนำ การจัดหาผู้เชียวชาญในการเข้าร่วมแก้ไขผลกระทบ เป็นต้น

จำนวนข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน

ในปี 2567

บริษัท ไม่มีกรณี การถูกร้องเรียน หรือถูกฟ้องร้องว่ามีการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชน

สถิติการถูกร้องเรียนหรือถูกฟ้องร้องว่ามีการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนของบริษัท

ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
การละเมิดสิทธิมนุษยชน 0 1 0

ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

บริษัทมุ่งดำเนินการตามนโยบายด้านความปลอดภัยสุขอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ดังนี้

  • นโยบายด้านความปลอดภัยสุขอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ที่นำมาใช้ครอบคลุมทั้งพนักงาน ผู้รับเหมา ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทตลอดห่วงโซคุณค่า รวมทั้งการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้ออย่างเคร่งครัด
  • กำหนดเรื่องความปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งในตัวชี้วัดในระดับองค์กร และกำหนดให้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  • บริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันความสูญเสียที่จากอุบัติเหตุที่อาจเกิดต่อชีวิต ทรัพย์สิน กระบวนการทำงาน รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพ อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีของพนักงาน ผู้รับเหมา ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • จัดอบรมและสื่อสารเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานให้แก่ พนักงาน ผู้รับเหมา ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจและตระหนักอย่างต่อเนื่อง
  • กำหนดเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นส่วนหนึ่งในจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า และกำหนดให้คู่ค้า ผู้รับเหมาทุกรายจะต้องรับทราบ เข้าใจ และถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ตัวชี้วัด หน่วย เป้าหมาย
การเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานของพนักงานและผู้เกี่ยวข้อง ครั้ง 0

การอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

การอบรมพนักงาน หน่วย ผลดำเนินการ
การเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานของพนักงานและผู้เกี่ยวข้อง ครั้ง 0

หลักสูตรการอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

หลักสูตร จำนวนผู้เข้าร่วม (คน) ผลการอบรม (ผลความพึงพอใจ)
การฝึกซ้อมดับเพลิงขั้นต้น รุ่นที่ 1 47 94.90%
การฝึกซ้อมดับเพลิงขั้นต้น รุ่นที่ 2 56 95.06%
การจัดการความเครียดผ่าน Mindfulness Activity รุ่นที่ 1 37 89.93%
การจัดการความเครียดผ่าน Mindfulness Activity รุ่นที่ 2 33 91.93%

การดูแลสุขภาพอนามัยพนักงาน

  • จัดให้มีประกันสุขภาพและประกันชีวิตสำหรับพนักงาน โดยครอบคลุมการรักษาพยาบาลของพนักงานในโรคพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยหรือโรคภัยต่างๆ รวมถึงคุ้มครองในกรณีได้รับอันตรายแก่ร่างกายและชีวิต
  • จัดให้มีการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อตรวจสอบและวางแผนดูแลสุขภาพของพนักงาน ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ ในอนาคต
  • โครงการส่งเสริมการออกกำลังกายแก่พนักงาน โดยจัดกิจกรรม FIT FUN FIRM เต้น BODY COMBAT โดยผู้เชียวชาญในการสอน จัดห้องออกกำลังกาย Fitness สำหรับพนักงาน ร่วมกับ ROCKET FITNESS ศูนย์ออกกำลังกายในเครือกลุ่มบริษัทให้แก่พนักงานสามารถเข้าใช้บริการได้ฟรี
  • จัดให้มีบริการ Dental Delivery โดยร่วมกับ Bangkok Smile Dental Clinic จัดรถทันตกรรมเคลื่อนที่ สำหรับมาดูแลสุขภาพฟันของพนักงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท
  • จัดให้มีบริการนวดผ่อนคลายร่างกายและจิตใจจากการทำงาน โดยจัดให้ผู้เชี่ยวชาญในการนวดผ่อนคลายเข้ามาให้บริการแก่พนักงานในทุกสัปดาห์
  • ร่วมกับคลินิกกายภาพ Vitala สหคลีนิกผู้ให้บริการด้านกายภาพบำบัดในเครือของกลุ่มบริษัท ในการให้บริการดูแลสุขภาพของพนักงาน โดยพนักงานสามารถทดลองเข้าใช้บริการได้ฟรี และรองรับการใช้ประกันกลุ่มของบริษัทในการเข้ารับการรักษาของพนักงาน

แนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยภายในพื้นที่ในโครงการก่อสร้าง

  • จัดทำรั้ว Metal Sheet รอบล้อมโครงการก่อสร้าง โดยให้มีความสูงที่เพียงพอ และติดป้ายห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งรั้วดังกล่าวเป็นรั้วของโครงการและตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการเท่านั้น พร้อมทั้งควบคุมไม่ให้มีการวางกองวัสดุก่อสร้างบริเวณนอกรั้วของโครงการโดยเด็ดขาด
  • ในโครงการอาคารสูงมีการจัดทำ Chain Link ยื่นจากอาคารขณะทำโครงสร้าง เพื่อป้องกันวัสดุร่วงหล่น และตรวจสอบ Chain Link อย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง หากพบว่ามีการชำรุดต้องซ้อมแซมทันที
  • ในโครงการอาคารสูงจัดให้มีการตรวจสอบส่วนประกอบของอุปกรรืทาวเวอร์เคลน ตามแบบที่กรมแรงงานกำหนด โดยวิศวกรเครื่องกลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมตามระดับที่กำหนดไว้
  • ในการก่อสร้างอาคารสูงในทุก 2-3 ชั้น ได้จัดให้มีการแขวนนั่งร้านและขึงตาข่ายรอบเพื่อใช้ในการทำผนักภายนอก
  • ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรกลก่อนนำมาใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
  • กำหนดให้ใช้เครนเป็นแบบขับแขนได้ และแขนของเครนต้องอยู่ภายในเฉพาะพื้นที่โครงการเท่านั้น ไม่ล้ำไปยังพื้นที่ข้างเคียง และอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งอยู่นอกแนวเสาไฟฟ้าแรงสูงตามข้อกำหนดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
  • จัดให้มีห้องปฐมพยาบาล โดยจัดให้มีเครื่องมือการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
  • จัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยภายในพื้นที่โครงการตลอด 24 ชั่วโมง
  • ควบคุมดูแลสอดส่องการใช้ไฟฟ้า และจัดให้มีอุปกรณืดับเพลิงที่จำเป็น
  • จัดให้มีประกันภัยความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อชีวิติ ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • ติดกล้องวงจรปิดที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง บริเวณเหนือรั้วโครงการ เพื่อความปลอดภัยภายในพื้นที่โครงการและพื้นที่ใกล้เคียง
  • จัดให้มีไฟฟ้าแสงสว่างในเวลากลางคืนส่องรอบบริเวณพื้นที่ก่อสร้างอย่างเพียงพอ
  • กำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบจากอุบัติเหตุที่เกิดจากเพลิงไหม้ ดังนี้

    • จัดทำให้มีถังดับเพลิงเคมี เพื่อเตรียมความพร้อมกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้
    • จัดให้มีการตรวจสอบระบบป้องกันและเตือนอัคคีภัยให้สามารถใช้งานได้อยู่เสมอ หากพบว่ามีการเสียหายหรือใช้การไม่ได้ให้รีบดำเนินการแก้ไขทันที
    • ติดป้ายแนะนำอุปกรณ์แต่ละตัวไว้ที่อุปกรณ์ติดตั้งอยู่ เพื่อให้ผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุสามารถใช้ได้ทันที
    • จัดอบรมและซ้อมการอพยพคนกรณีเพลิงไหม้

บริษัทกำหนดให้มีมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านความปลอดภัยภายในพื้นที่ในโครงการก่อสร้าง ดังนี้

  • จัดให้มีช่องการการรับเรื่องร้องเรียน เพื่อรับเรื่องร้องเรียนที่อาจเกิดขึ้น พร้อมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยทันที
  • จัดให้มีการเก็บสถิติการเกิดอุบัติเหตุ และแสดงผลการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อนำผลดังกล่าวมาตรวจประเมินประสิทธิภาพของการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านความปลอดภัย และปรับปรุงมาตรการให้เหมาะสมอยู่เสมอ
  • จัดให้มีการตรวจสอบถังดับเพลิงให้สามารถใช้งานได้อยู่เสมอ หากพบว่ามีการเสียหายหรือใช้การไม่ได้ให้รีบดำเนินการแก้ไขทันที

มาตรการดูแลความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในกรณีเกิดโรคระบาด หรือโรคติดต่ออุบัติใหม่

จากรณีโรคระบาดโควิด 19 ที่ผ่านมา บริษัทจึงได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคระบาด โดยการกำหนดแนวปฏิบัติในกรณีการเกิดโรคระบาด หรือโรคติดต่ออุบัติใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมในการตอบสนอง กรณีเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ และดูแลด้านสุขภาพ อาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้แก่พนักงานและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ปฏิบัติงานของบริษัท รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจและสังคมโดยรวมได้ จึงต้องเตรียมมาตรการป้องกันการติดเชื้อและการจัดการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ได้แก่ การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล การควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อ และการดูแลสภาพแวดล้อมการทำงานให้ปลอดภัย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังใช้เป็นแนวทางให้ผู้บริหารพิจารณาตัดสินใจในการกำหนดมาตรการในกรณีฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ เพื่อให้สอดคล้องตามประกาศกฎหมาย แนวทางปฏิบัติและมาตรฐานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และบริษัทสามารถดำเนินการธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพกรณีที่เกิดโรคระบาดขึ้น

การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

บริษัทตรวจสอบสถานะการดำเนินงานด้านความปลอดภัย การปฎิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการยกระดับการบริหารจัดการด้านปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการวิเคราะห์ ระบุ และประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อบริษัทผ่านกระบวนการบริหารความเสี่ยงขององค์กร โดยได้ทำการประเมินความเสี่ยงและทบทวนเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นกรอบการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยให้สอดคล้องกันทั้งองค์กร และครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติงานทั้งหมดของบริษัท

ทั้งนี้ จากการประเมินความเสี่ยงในทุกกระบวนตามห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทแล้ว ในส่วนของโครงการที่มีการก่อสร้างนั้นอาจมีความเสี่ยงสูงในด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน บริษัทได้ทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยในทุกโครงการจะต้องเป็นไปตามายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยร่วมกับผู้รับเหมาในแต่ละโครงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.) ประจำในพื้นที่โครงการก่อสร้าง เพื่อควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด จัดทำรายงานความปลอดภัยของโครงการก่อสร้าง การตรวจสอบความปลอดภัย การให้ความรู้ ข้อคำแนะนำ และร่วมแก้ไขสภาพงานที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เพื่อควบคุมความปลอดภัยในด้านต่างๆ ในขณะที่มีการก่อสร้าง รวมถึงการรักษาความสะอาด สุขอนามัยภายในโครงการก่อสร้างและชุมชนข้างเคียงโครงการก่อสร้างอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ เพื่อความคุม ป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลโดยตรงต่อพนักงานและผู้รับเหมาของบริษัท บริษัทจึงเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทั่วทั้งองค์กร ซึ่งมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานและผู้รับเหมา เพื่อให้มีจิตสำนึกและพฤติกรรมความปลอดภัยผ่านการกำหนดนโยบาย คู่มือ ข้อปฏิบัติต่างๆ การอบรม และกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการตรวจสอบติดตามการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานเพื่อกำหนดทบทวนมาตรการด้านความปลอดภัยในการทำงานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

สถิตความปลอดภัย

ข้อมูลความปลอดภัย หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
จำนวนการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด ครั้ง 4 2 0
จำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงาน
พนักงาน คน 2 0 0
ผู้รับเหมา คน 0 0 0
บุคคลภายนอก คน 0 0 0
จำนวนการบาดเจ็บจากการทำงาน
พนักงาน คน 0 2 0
ผู้รับเหมา คน 5 0 0
บุคคลภายนอก คน 0 0 0
จำนวนวันหยุดงานจากการบาดเจ็บในการทำงาน
พนักงาน วัน 0 0 0
ผู้รับเหมา วัน 0 0 0
บุคคลภายนอก วัน 0 0 0
จำนวนคนหยุดงานจากการบาดเจ็บในการทำงาน
พนักงาน คน 0 0 0
ผู้รับเหมา คน 1 0 0
บุคคลภายนอก คน 0 0 0

การปฏิบัติต่อพนักงาน

ในปี 2567 บริษัทไม่มีเหตุการณ์การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงาน กฎหมายแรงงานและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงไม่มีคดีและข้อพิพาทด้านแรงงานเกิดขึ้น

การจ้างงาน

แบ่งตามเพศ
แบ่งตามระดับ
แบ่งตามช่วงอายุ
พนักงาน จำนวน (คน) ร้อยละ
จำนวนพนักงานรวมทั้งหมด 613 100
แบ่งตามเพศ
ชาย 242 39.48
หญิง 371 60.52
แบ่งตามระดับ
ระดับผู้บริหารระดับสูง 6 0.98
ระดับผู้บริหารระดับกลาง 56 9.14
ระดับผู้จัดการขึ้นไป 293 47.80
ระดับปฏิบัติการ 206 33.60
พนักงานสัญญาจ้าง 52 8.48
แบ่งตามช่วงอายุ
อายุ 46 ปี ขึ้นไป 92 15
อายุ 31-45 ปี 420 68.52
อายุต่ำกว่า 30 ปี 101 16.48

การว่าจ้างผู้พิการ

บริษัทส่งเสริมการทำงานของผู้พิการโดยการว่าจ้างผู้พิการเข้าทำงานกับบริษัท เพื่อให้โอกาสแก่ผู้พิการสามารถแสดงความสามารถและสร้างรายได้ให้แก่ตัวเองและครอบครัว ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทมีการว่าจ้างผู้พิการ เป็นจำนวน 6 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.98 ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

อัตราการลาออกของพนักงานอัตราการลาออกของพนักงานโดยสมัครใจ (Turnover rate)

สัดส่วนพนักงาน จำนวน (คน) ร้อยละ
จำนวนพนักงานลาออก 79 13
แบ่งตามระดับ
ระดับผู้บริหารระดับสูง - -
ระดับผู้บริหารระดับกลาง 8 10.13
ระดับผู้จัดการขึ้นไป 30 37.97
ระดับปฏิบัติการ 31 39.24
พนักงานสัญญาจ้าง 10 12.66
แบ่งตามช่วงอายุงาน
อายุงาน 5 ปี ขึ้นไป 6 7.59
อายุ 3 - 5 ปี 8 10.13
อายุงาน 1 - 3 ปี 65 82.28

การกำหนดเวลาการทำงาน

บริษัทกำหนดวันและชั่วโมงการทำงานของพนักงาน ดังนี้

สำนักงานใหญ่

วันทำงาน วันจันทร์ ถึง วันเสาร์ สลับกับ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ (หยุดวันเสาร์เว้นวันเสาร์)

  • เวลาทำงาน 08.00 – 17.00 น.
  • เวลาพัก 12.00 – 13.00 น.
สำนักงานโครงการ

วันทำงาน วันจันทร์ ถึง วันเสาร์

  • เวลาทำงาน 09.00 – 18.00 น.
  • เวลาพัก 12.00 – 13.00 น.

สำหรับการทำงานล่วงเวลาของพนักงานนั้นจะต้องเป็นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พนักงานจะสามารถทำงานล่วงเวลาได้ก็ต่อเมื่อได้ตกลงเรื่องการทำงานล่วงเวลาไว้แล้วกับผู้บังคับบัญชา หรือในกรณีเร่งด่วนที่จะต้องทำงานล่วงเวลาจะต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานก่อนเสมอ เพื่อลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานที่มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อความสมดุลต่อการใช้ชีวิตส่วนตัวและอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของพนักงาน โดยบริษัทจ่ายค่าค่าตอบแทนค่าล่วงเวลาให้แก่พนักงานอย่างเหมาะสมเป็นธรรมแก่พนักงานและสอดคล้องกับกฎหมายกำหนด

การพัฒนาพนักงาน

เป้าหมาย หน่วย เป้าหมาย
จำนวนการอบรมพัฒนาทักษะความรู้พนักงาน ชั่วโมง/คน/ปี 5

ข้อมูลการฝึกอบรมพัฒนาพนักงาน

การพัฒนาพนักงาน หน่วย ผลการดำเนินงาน
พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรม คน 500
จำนวนชั่วโมงการฝึกอบรมรวม ชั่วโมง 2,798
จำนวนชั่วโมงฝึกอบรมเฉลี่ย ชั่วโมง/คน 5.60
จำนวนวันฝึกอบรมเฉลี่ยในปี วัน/คน 0.7
ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและพัฒนา บาท 8,002,125.61

การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการ

ค่าตอบแทนพนักงาน

ในปี 2567 กลุ่มบริษัทจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงาน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 636,250,000.43 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ค่าตอบแทน จำนวน (บาท)
เงินเดือน 455,976,071.62
โบนัส 63,646,133.19
ค่าคอมมิชชันและ Incentive 69,194,460.23
เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 13,846,196.99
สวัสดิการและอื่นๆ 31,628,781.63
ค่ากะ ค่าล่วงเวลา 1,323,356.77
ผลประโยชน์พนักงานเมื่อเกษียณอายุ 635,000.00
สัดส่วนค่าตอบแทนของพนักงานหญิงต่อพนักงานชาย
ค่าตอบแทนพนักงานหญิง 359,753,502.82
ค่าตอบแทนพนักงานชาย 274,846,497.61
สัดส่วนค่าตอบแทนพนักงานหญิงต่อพนักงานชาย 1.31 : 1
สวัสดิการและผลประโยชน์
ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพ
สำหรับพนักงานทุกคนและทุกระดับ โดยพนักงานจะได้รับสิทธิและผลประโยชน์ตามแผนของกรมธรรม์ตามที่บริษัทกำหนดไว้ในแต่ละตำแหน่งงาน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
พนักงานสามารถสมัครเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทได้หลังจากผ่านระยะเวลาทดลองงานตามความสมัครใจ โดยบริษัทจะกำหนดอัตราเงินสมทบของบริษัท ตามอายุงานของพนักงาน
การตรวจสุขภาพประจำปี
เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของพนักงาน โดยพนักงานที่มีอายุงาน 1 ปี ขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพตามที่บริษัทได้จัดให้เป็นประจำทุกปี
เครื่องแบบพนักงาน
กลุ่มบริษัทจัดให้มีเครื่องแบบแก่พนักงานเป็นประจำทุกปี โดยจะพิจารณาเครื่องแบบตามความเหมาะสมของลักษณะการทำงาน
เงินช่วยเหลือในกรณีต่างๆ

บริษัท จัดให้มีเงินสำหรับช่วยเหลือพนักงานในกรณีต่างๆ ได้แก่

  • เงินช่วยเหลือการสมรส
  • เงินช่วยเหลือเพื่อแสดงความเสียใจต่อบุคคลครอบครัวพนักงานเสียชีวิต
การจัดของเยี่ยมพนักงาน
พนักงานที่รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือพนักงานที่คลอดบุตร โดยบริษัท จะจัดส่งของเยี่ยมให้แก่พนักงาน
วันหยุดในวันคล้ายวันเกิดพนักงาน
บริษัทเพิ่มวันหยุดให้แก่พนักงานอีก 1 วัน ในวันคล้ายวันเกิดของพนักงาน โดยพนักงานสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ภายในเดือนเกิดของพนักงาน
การลาคลอดของพนักงานชาย กรณีที่ภรรยาคลอดบุตร
พนักงานชายที่ภรรยาคลอดบุตรสามารถใช้สิทธิวันลาคลอดบุตรได้ 15 วัน โดยการลานั้นจะต้องอยู่ในช่วงระยะเวลา 90 วันที่ภรรยาคลอดบุตร โดยจะลาต่อเหนื่องหรือไม่ต่อเนื่องก็ได้
การลาเพื่อสมรส
พนักงานทีทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี สามารถมีสิทธิลาเพื่อประกอบพิธีสมรสได้ไม่เกิน 5 วัน โดยได้รับค่าจ้างจากบริษัท
ลาเพื่อฌาปนกิจศพ
พนักงานสามารถลาเพื่อฌาปนกิจศพ บิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตร ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้ครั้งละไม่เกิน 5 วัน โดยได้รับค่าจ้าง
เงินช่วยเหลือทุนการศึกษาบุตรพนักงาน
บุตรของพนักงานที่มีคุณสมบัติตามที่บริษัทกำหนด สามารถรับทุนการศึกษาจากบริษัทได้ปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท ต่อบุตรพนักงาน 1 คน โดยจำกัดบุตรพนักงาน 2 คน ต่อพนักงาน 1 คน
งานเลี้ยงประจำปี
บริษัทจัดให้มีงานเลี้ยงประจำปี เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเพื่อให้พนักงานได้ผ่อนคลายจากการทำงาน
ห้องออกกำลังกาย (Fitness)
บริษัทจัดให้มีห้องออกกำลังกาย (Fitness) สำหรับพนักงานได้ใช้ออกกำลังก่อนและหลังเลิกงาน

คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ

บริษัทเคารพและสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มโดยสมัครใจ แล้ะพื่อเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 บริษัทจึงได้จัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ โดยที่พนักงานได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการฯ เพื่อเป็นการรวมกลุ่มตัวแทนของพนักงานโดยสมัครใจในการเจรจาต่อรอง หรือแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายด้านสวัสดิการและการดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน รวมถึงเสนอแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานที่อาจเกิดขึ้นต่อพนักงานภายในบริษัท

คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ มีขอบเขตอำนาจหน้าที่ ดังนี้

  • ร่วมหารือกับนายจ้างเพื่อจัดสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
  • ให้คำปรึกษาหารือและเสนอแนะความคิดเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
  • ตรวจตรา ควบคุม ดูแล การจัดการสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง
  • เสนอข้อคิดเห็น และแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

การเข้าร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ชื่อบริษัท/บริษัทย่อย จำนวนพนักงานที่เข้าร่วม (คน) สัดส่วนจำนวนพนักงานที่เข้าร่วม
บริษัท แอลเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) 299 52.73%
บริษัท เทรชเชอร์ เอ็ม จำกัด 8 36.36%
บริษัท แอลเซเทค พลัส จำกัด 5 29.41%
บริษัท คิวบ์ โกลโนเช่ จำกัด 1 50.00%
บริษัท ดับเบิลเอเอซี จำกัด 3 60.00%
บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) 82 59.85%
บริษัทย่อยในกลุ่ม 24 53.33%

โครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program : EJIP)

โครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างของบริษัทและบริษัทย่อย ครั้งที่ 1 (Employee Joint Investment Program “EJIP” No.1) ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2568–31ธันวาคม 2570 โดยพนักงานประจำของบริษัทและบริษัทย่อย (ยกเว้นบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยและบริษัทร่วม)

จำนวนพนักงานที่เข้าร่วมโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program : EJIP)
บริษัท จำนวนพนักงานเข้าร่วม (คน) สัดส่วนจำนวนพนักงานเข้าร่วม
บริษัท แอลเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) 124 28%
บริษัท เทรชเชอร์ เอ็ม จำกัด 5 36%
บริษัท แอลเซเทค พลัส จำกัด - 0%
บริษัทย่อยอื่นในกลุ่ม 50 48%

ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร

ตัวชี้วัด หน่วย เป้าหมาย
ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร ร้อยละ 70

ผลการสำรวจความผูกพันต่อองค์กร

ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร หน่วย ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
พนักงานเข้าร่วมสำรวจ ร้อยละ N/A 95 93
ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร ร้อยละ 78.30 60 79

การปฏิบัติต่อลูกค้า

พื้นที่โครงการอยู่ในทำเลคุณภาพ
สามารถเดินทางสะดวกใกล้แหล่งคมนาคมที่สำคัญและแวดล้อมด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกที่สำคัญ รวมถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่มีความสุข
ในการดูแลลูกค้าและการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง
ทุกโครงการออกแบบเป็นเอกลักษณ์
พัฒนาแบบห้องหลายรูปแบบที่เข้าใจการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย และเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่ล้ำสมัย เน้นความสะดวกสบายและปลอดภัยในการพักอาศัย
พื้นที่ส่วนกลางรองรับไลฟ์สไตล์ของทุกคน
การจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่และมีความหลากหลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน เพื่อตอบโจทย์การพักอาศัยและไลฟ์สไลต์ของผู้อยู่อาศัย

การพัฒนาสินค้าที่ความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัย

Healthy Living

การสร้างสรรค์โครงการที่เป็นมิตรต่อการอยู่อาศัย เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง ทิศทางลมและแสง การระบายอากาศ วัสดุที่เลือกใช้ ไปจนถึงการคัดสรรเทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้จริง ทั้งยังมีการฝึกอบรมบุคลากร เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือลูกบ้านในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย

Healthy Privilege

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก AssetWise Club จากบริการที่หลากหลายตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ เพื่อการมีสุขภาพที่ดี

Health Activity

กิจกรรมเพื่อสุขภาพที่คลอบคลุมการมีสุขภาพดีในทุกด้าน ทั้งการออกกำลังกาย เวิร์คชอปสอนทำอาหารสุขภาพ การอบรม CPR เป็นต้น

Virtual Health

สนับสนุนการใช้บริการสุขภาพผ่านทางออนไลน์ โดยเปลี่ยนจากการไปพบแพทย์และได้รับบริการจากโรงพยาบาลชั้นนำให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ

“Health Station สถานีสุขภาพที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง”

บริษัทยกระดับการดูแลสุขภาพของลูกบ้านในโครงการ โดยการสร้างสรรค์ “Health Station” หรือพื้นที่ตรวจสุขภาพขึ้นภายในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการคอนโดมิเนียม ด้วยการจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นไว้ให้อย่างครบครัน เพื่อที่ลูกบ้านสามารถเข้าถึงและได้รับคำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพจากโรงพยาบาลชั้นนำ ได้ตามความต้องการอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงโรงพยาบาล

การรักษาข้อมูลความลับของลูกค้า

บริษัทตระหนักถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทได้ถือครองไว้ โดยกำหนดให้การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านั้นจะต้องเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีหน้าที่ในการกำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย กฎหมาย และแนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และจัดตั้งคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อมีหน้าที่กำหนดแนวทางในการปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ตรวจสอบการดำเนินงาน หารือถึงแนวทางในการแก้ไขป้องกัน และให้นำแนะนำในการดำเนินงานที่ถูกต้องเหมาะสม

นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำการสื่อสารนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานทุกคนได้รับทราบผ่านระบบ Intranet ของบริษัท และอีเมล โดยเฉพาะเน้นย้ำไปยังพนักงานที่มีหน้าที่ในการดูและเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้มีความตระหนักถึงการปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด และจัดให้มีการลงนามรับทราบนโยบายดังกล่าว ซึ่งพนักงานของบริษัททั้งหมดได้ลงนามรับทราบต่อนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้วร้อยละ 100

ในปี 2567 บริษัทไม่มีกรณีที่ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

นวัตกรรมทางธุรกิจ

การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (IA) เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาการทำงาน

หลักสูตร AI for Architecture and Interior Design

หลักสูตรสำหรับพนักงานในตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับการออกการแบบโครงการ เพื่อต่อยอดการใช้งาน IA สำหรับงานสถาปนิก ทั้งการออกแบบอาคารโครงการ งานออกแบบและตกแต่งภายใน รวมถึงงานออกแบบภูมิทัศน์ภายในโครงการ โดยมีพนักงานฝ่ายออกแบบแลพัฒนาโครงการเข้าร่วมการอบรมจำนวน 15 คน และผลประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรการอบรมที่ 92.68%

หลักสูตร AI for Real Estate

หลักสูตรสำหรับงานทุกคน เพื่อพัฒนาความรู้ในการนำ IA มาใช้ต่อยอดและพัฒนาการทำงานภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีและรวดเร็วมากขึ้น โดยมีพนักงานเข้าอบรมอบรมจำนวน 36 คน และผลประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรการอบรมที่ 85.78%

บริษัทส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านระบบ Intranet ของบริษัทผ่าน “Wise.Ai” เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ AI รวมถึงการแนะนำเครื่องมือ AI ที่มีประโยชน์ต่อการทำงาน เพื่อให้พนักงานได้ศึกษาและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่การทำงานภายในบริษัท

“KAVALON 3 Smart IoT”

โครงการ KAVALON (เควาลอน) โครงการแคมปัสคอนโด ในทำเลพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัย โดยบริษัทมีความตั้งใจที่สร้างสรรค์ที่พักอาศัยในรูปแบบใหม่ร่วมกับนวัตกรรม เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี ภายใต้แนวคิด The Journey Is Yours จินตนาการ…ไม่รู้จบ โดยออกแบบ Futuristic Living คอนโดมิเนียมที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย เพื่อการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์และสะท้อนทุกตัวตนอย่างไร้ขีดจำกัด สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งนักศึกษา กลุ่มวัยทำงาน ด้วยการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันผสมผสานให้เข้ากับนวัตกรรมที่ล้ำสมัย

บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรม “KAVALON 3 Smart IoT” สำหรับโครงการ KAVALON ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด The Journey Is Yours จินตนาการ…ไม่รู้จบ เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสกับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตที่ล้ำสมัยและเป็นมากกว่าที่พักอาศัยโดยปกติทั่วไป

“KAVALON 3 Smart IoT” นวัตกรรมที่บรรษัทมุ่งสร้างสรรค์เพื่อสำหรับดูแลและอำนวยความสะดวกต่อลูกค้า ผู้พักอาศัย ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ตอบโจทย์การพักอาศัยของคนรุ่นใหม่ด้วยที่เน้นความสะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและใช้งานได้ง่าย

ASSETWISE CLUB “Privileges Program”

บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อการพักอาศัยโครงการของบริษัท และการบริการหลังการขายเพื่อให้เกิดความพึงพอใจอย่างสูงที่สุดแก่ลูกค้า จึงได้พัฒนา ASSETWISE CLUB “Privileges Program” โดยการพัฒนาระบบการจัดการลูกค้สัมพันธ์ (Customer Relationship Management หรือ CRM) เข้าไว้ใน Line OA เพื่ออำนวยความสะดวกต่อลูกค้าสำหรับการให้บริการสิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้าน ASSETWISE CLUB สามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษของร้านค้าและบริการต่างๆ ที่ร่วมกับบริษัทจำนวนมากได้อย่างสะดวก เพียงแค่การสมัครเข้าเป็นสมาชิก และนำรหัสที่ได้รับไปแสดงเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ ที่บริษัทได้จัดไว้ให้

ในปี 2567 ลูกบ้านลงทะเบียนสมาชิก ASSETWISE CLUB “Privileges Program” แล้วจำแล้ว 2,026 คน โดยมีร้านค้าและบริการที่เข้าร่วมรายการถึง 44 รายการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์และความสะดวกสบายที่ลูกค้าสามารถได้รับจากบริการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี และบริษัทจะยังคงมุ่งพัฒนาการใช้งาน ASSETWISE CLUB “Privileges Program” อย่างต่อเนื่องเพื่อการดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด

“Bank Matching”

บริษัทพัฒนาโปรแกรม “Bank Matching” เพื่อสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในกลุ่มบริษัทว่าจะสามารถสามารถผ่านการขอสินเชื่อจากธนาคารได้ในวงเงินเท่าไหร่ หรือต้องเตรียมตัวด้านการเงินอย่างไรเพื่อให้สามารถซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมได้

ประโยชน์ของโปรแกรม “Bank Matching” จะเป็นเครื่องมือช่วยในการขายและการโอนกรรมสิทธิ์สินค้าของกลุ่มบริษัท ทำให้ลดความกังวลของผู้ที่สนใจซื้อสินค้าของบริษัทในเรื่องของการขอสินเชื่อกับทางธนาคาร รวมถึงลดระยะเวลาในการทำสินเชื่อกับผู้ซื้อ ทำให้กลุ่มบริษัทสามารถขายสินค้าได้ง่ายขึ้นและรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้น

การใช้งานของโปรแกรม “Bank Matching” ผู้ซื้อสามารถเข้ากรอกข้อมูลใน aswinno.assetwise.co.th/bankmatching โดยทางโปรแกรมจะทำการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ซื้อทำการกรอกในระบบเพื่อแสดงธนาคารที่สามารถให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อได้ พร้อมรายละเอียดของจำนวนเงินที่สามารถขอสินเชื่อ โอกาสในการขอสินเชื่อ ระยะเวลาในการผ่อนต่อเดือน และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย

การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

ตัวชี้วัด หน่วย เป้าหมาย
ความพึงพอใจของลูกค้าต่อสินค้า ร้อยละ 85
ความพึงพอใจของลูกค้าต่อบริการ ร้อยละ 85
คะแนนการมีชื่อเสียงที่ดี คะแนน 17

ผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

ความพึงพอใจของลูกค้า หน่วย ผลความพึงพอใจลูกค้า
ความพึงพอใจของลูกค้าต่อสินค้า ร้อยละ 88.85
ความพึงพอใจของลูกค้าต่อบริการ ร้อยละ 92.75
คะแนนการมีชื่อเสียงที่ดี คะแนน 24.31

การปฏิบัติต่อคู่ค้าและผู้รับเหมา

บริษัทกำหนดจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า และสื่อสารให้แก่คู่ค้าได้รับทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และสื่อสารให้ลูกค้าได้รับทราบ ควบคู่กับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ในปี 2567 คู่ค้าทุกรายของบริษัทได้รับทราบถึงจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า นโยบายและแนวปฏิบัติด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมยึดถือเป็นกรอบในการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับบริษัท

การพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าและผู้รับเหมา

  • การประชุมร่วมกันระหว่างผู้รับเหมาโครงการ บริษัทที่ปรึกษา เพื่อหารือการดำเนินงานก่อสร้างโครงการ และร่วมมือพัฒนางานก่อสร้างให้มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • การร่วมตรวจสอบการก่อสร้างตามมาตรฐานงานก่อสร้างกับบริษัท เพื่อร่วมกันวางแผนการทำงาน การสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงการหาแนวทางในการพัฒนางานก่อสร้าง รวมทั้งสรุปปัญหาที่เกิดระหว่างการก่อสร้างพร้อมร่วมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
  • การอบรมให้ความรู้แก่ผู้รับเหมาถึงกระบวนการและมาตรฐานงานก่อสร้าง ทั้งในส่วนของงานโครงสร้าง งานระบบประกอบอาคาร งานระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล เป็นต้น เพื่อพัฒนาทักษะฝีมือในวิชาชีพให้แก่ผู้รับเหมา ให้สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการและมาตรฐานของบริษัท

ทั้งนี้ จากความร่วมมือเพื่อพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าผู้รับเหมาผ่านการดำเนินงานต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นในการพัฒนางานก่อสร้างโครงการที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ในปี 2567 ร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการในส่วนของห้องพักอาศัยและบริเวณรอบโครงการลดลงจากปี 2566 จากปีที่ผ่านมาจากจำนวน 488 เรื่อง ลดลงเหลือ 382 เรื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการทำงานที่ดีและมีมาตรฐานคุณภาพขึ้นระหว่างบริษัทและคู้ค้าผู้รับเหมา รวมถึงแผนในการพัฒนาเพื่อยกระดับศักยภาพของคู่ค้าและผู้รับเหมาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อร้องเรียนลูกค้า หน่วย ปี 2566 ปี 2567
จำนวนข้อร้องเรียนลูกค้าเกี่ยวกับห้องพักอาศัยและบริหารอบโครงการ เรื่อง 488 382

การพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานในโครงการก่อสร้าง

โครงการดูแลคุณภาพชีวิตในโครงการก่อสร้าง : Building Social Impact (BSC)

โครงการที่มุ่งเน้นให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขในการทำงาน เช่น ระบบสาธารณูปโภค ความสะอาด และความปลอดภัยต่างๆ เป็นต้น ตลอดจนการดูแลผู้ติดตามแรงงาน(หากมี) ในเรื่องสิทธิต่างๆ รวมถึงเรื่องสิทธิเด็ก เช่น สร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน การผลักดันให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือ สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กระหว่างที่พ่อแม่ไปทำงานในโครงการ แอสเซทไวส์ได้ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็ก (ภายใต้ความร่วมมือกับ UNICEF) จะช่วยให้คำปรึกษาและให้องค์ความรู้กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่เป็นพาร์ทเนอร์ของแอสเซทไวส์ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายให้เกิดความยั่งยืนด้านแรงงาน ลดปัญหาการขาดแคลนด้านแรงงานในระยะยาว ส่งผลดีต่อทักษะและความชำนาญในการทำงาน

ดำเนินงานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบันมีบริษัทเข้าร่วม 2 บริษัท จากเป้าหมาย 4 บริษัทที่เข้าร่วมรับฟังโครงการ ซึ่งทางมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็กได้มีการลงให้คำแนะนำ อบรมผู้ที่เกี่ยวข้องหน้างานเพื่อทำความเข้าใจเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และทางบริษัทได้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายการพัฒนาที่ยังยืนในสังคมในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพื่อแลกเปลี่ยนและร่วมพัฒนาการดูแลคุณภาพชีวิตให้เกิดความยั่งยืน

โครงการสวัสดิการตู้น้ำดื่มเย็นในโครงการก่อสร้าง

บริษัทเห็นความสำคัญของน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบริโภคพื้นฐานของมนุษย์ จึงได้ร่วมกับบริษัทผู้รับเหมาหลักในการมอบตู้น้ำดื่มเย็นเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในโครงการก่อสร้าง ได้ดื่มน้ำเย็นที่สะอาด ได้มาตรฐาน โดยตั้งเป้าให้ทุกโครงการมีตู้น้ำดื่มเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับคนงานและผู้ปฏิบัติงาน และลดการใช้ขวดพลาสติก บริษัทได้ส่งเสริมให้บริษัทผู้รับเหมาได้มีการจัดหาเพื่อดูแลในส่วนนี้ โดยบริษัทได้ให้การสนับสนุนร่วมกับผู้รับเหมาเพิ่ม 2 โครงการในปี 2567 ได้แก่ Modiz Vault kaset-Sripratum และ Modiz Avangarde

การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการ

บริษัทเปิดโอกาสให้ที่มีความสนใจจะเข้ามาเป็นคู่ค้าของบริษัทสามารถเข้ามาลงทะเบียนเป็นคู่ค้ารายใหม่ของบริษัท ได้ที่ช่องทาง procurement.assetwise.co.th

การคัดเลือกคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขาย

บริษัทกำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจนในการพิจาณาคัดเลือก โดยคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขายทุกรายต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบปฏิบัติเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงจัดให้มีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ได้แก่ คุณภาพการให้บริการ ความสามารถการให้บริการ ความน่าเชื่อถือโดยภาพรวม เงื่อนการการจ่ายเงิน การรับประกันผลงาน ศักยภาพและเสถียรภาพทางการเงิน ประสบการณ์หรือผลงานที่ผ่านมา และความสามารถในการส่งมอบงาน

นอกจากนี้บริษัทยังได้คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนไว้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาคัดเลือกคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขาย ซึ่งจะต้องไม่มีประวัติการกระทำผิดในเรื่องสิทธิมนุษยชน การแจ้งแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม การจ้างแรงงานเด็กหรือแรงงานที่ผิดกฎหมาย การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน การทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งประเด็นข้อพิพาทด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

บริษัทยังให้ความสำคัญต่อการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) เพื่อมุ่งสู่องค์กรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงได้กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกผู้ขายสินค้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มาตรฐาน ISO 14001, ฉลากเขียว (Green Label), อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) หรือมาตราฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เป้าหมายการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)
เป้าหมาย หน่วย เป้าหมาย
ร้อยละการเพิ่มขึ้นของรายการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) จากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 5

ในปี 2567 บริษัทได้พิจารณาคัดเลือกคู่ค้าสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) จำนวน 18 ราย ในการจัดชื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) จำนวน 25 รายการ

การจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2566 ปี 2567
รายการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) 23 25

ในปี 2567 บริษัทมีรายการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) เพื่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 8.70 มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ ร้อยละ 5

การประเมินผลงานคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขาย

บริษัทประเมินผลงานคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขาย โดยกำหนดหลักเกณฑ์การให้คะแนน ซึ่งจะต้องได้คะแนนตั้งแต่ 60 คะแนนขึ้นไป จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์ หากคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขายที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน บริษัทจะทำการตัดออกจากทะเบียนรายชื่อคู่ค้า (Approved) ของบริษัท ทั้งนี้บริษัทจะส่งผลการประเมินให้ได้รับทราบและใช้สำหรับเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงานต่อไป

หลักเกณฑ์การประเมินผลงานคู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ขาย บริษัทจะพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาทั้งในด้านคุณภาพสินค้าและบริการที่จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด การส่งมอบสินค้าและบริษัทตามที่ระบุในสัญญา นอกจากนี้ยังได้พิจารณาประเมินผลงานด้าน ESG โดยจัดให้มีการประเมินผล On-Site ESG Audit โดยกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ครอบคลุมทั้งด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ การปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจของคู่ค้าและหลักปฏิบัติด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและการจ้างแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรม การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในการปฏิบัติตามมตรฐานทางกฎหมายที่กำหนด การจัดให้มีมาตรการในการดูแลและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การจัดการปัญหาและบรรเทาสภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดผลกระทบการดำเนินงานต่อชุมชนและสังคม รวมถึงการร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน

การกำหนด Credit Term สำหรับคู่ค้า

บริษัทได้กำหนดให้นโยบายการกำหนด Credit Term สำหรับคู่ค้า เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดการ Credit Term ให้เป็นมาตรฐานและแนวทางสำหรับการกำหนด ตรวจสอบ และความโปร่งใสในด้านการจัดการ Credit Term สำหรับคู่ค้า โดยกำหนดระยะเวลา Credit Term ให้เหมาะสมกับการดำเนินงานระหว่างกลุ่มบริษัทและคู่ค้า

รายละเอียดการกำหนด Credit Term

คู่ค้า ประเภทผู้รับเหมากหลัก และผู้รับเหมารายย่อย

Credit Term 15 – 30 วัน

คู่ค้าประเภทผู้ขาย

Credit Term 15 – 60 วัน

ทั้งนี้ในการกำหนด Credit Term สำหรับคู่ค้าแต่ละราย กลุ่มบริษัทจะพิจารณาถึงลักษณะการดำเนินงาน ประวัติการดำเนินธุรกิจ รวมถึงความเหมาะสมอื่นๆ ของคู่ค้าแต่ละรายให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด และยึดหลักความเป็นธรรมต่อคู่ค้าทุกราย

ในปี 2567 ระยะเวลาการเก็บหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 25 วัน

ชุมชนและสังคม

เป้าหมาย หน่วย ผลการดำเนินงานปี 2567
การกระทำผิดต่อกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและสังคม ครั้ง 0
ค่าปรับที่เกิดขึ้นจากการบรรเทาความเสียหายต่อชุมชนและสังคม บาท 0

การดูแลชุมชนข้างเคียงโครงการก่อสร้างของบริษัท

จากการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2567 ในทุกโครงการของบริษัทได้ดำเนินการสอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการที่จะดูแลและป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานของบริษัท

พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนรอบโครงการ

การจ้างงานคนในชุมชน
โครงการจ้างจิตอาสาในชุมชน

จากการที่บริษัทได้เข้าไปให้ความรู้และพัฒนาทักษะคนในชุมชนพหลโยธิน 45 ซึ่งเป็นชุมชนอยู่ติดกับ โครงการ Modiz Vault Kaset Sripratum ในเรื่องของการคัดแยกขยะในงานอีเว้นท์ภายใต้ concept แยก เท คว่ำ เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste Event โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ทำให้คนในชุมชนมีอาชีพใหม่และเกิดรายได้ ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกชุมชนที่มีทักษะและมีรายได้ จำนวน 20 คน โดยในปี 2567 มีรายได้รวม 28,200 บาท

โครงการจ้างงานคนในพื้นที่

จากการประเมินความเสี่ยงชุมชนรอบโครงการ พบว่า ปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบกับโครงการ ได้แก่ ชุมชนเกิดความกังวล ชุมชนไม่เข้าใจข้อมูลโครงการ หรือ ไม่มีช่องทางสื่อสารที่ชุมชนที่เชื่อถือได้ และ อาจเกิดการต่อต้านจากชุมชน ปัจจัยเหล่านี้อาจเกิดผลกระทบทั้งทางด้านการเงิน และผลกระทบที่ไม่ใช่ทางด้านการเงิน เมื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น พบว่า ความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้บริษัทกำหนดกลยุทธ์ที่จะดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยง หนึ่งในนั้นคือ การจ้างงานคนในชุมชน เพื่อก่อให้เกิดรายได้อย่างยั่งยืน และเพื่อให้มีช่องทางการสื่อสารโครงที่ถูกต้องการผ่านคนของชุมชนเอง

เมื่อมีการเปิดโครงการก่อสร้างจะมีการพิจารณาการจ้างงานคนในพื้นที่ หรือชุมชนรอบๆ โครงการเป็นอันดับแรก เพื่อเกื้อกูลให้คนในพื้นที่มีอาชีพและรายได้ ซึ่งถูกระบุเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดองค์กรตามนโยบายของบริษัทในการดูแลชุมชนและคนในชุมชน เช่น แม่บ้าน และ รปภ. ประจำ sale gallery และ site ก่อสร้าง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและพื้นที่ก่อสร้างโครงการ ต่อเนื่องไปจนถึงการเปิดโครงการไปจนถึงลูกบ้านเค้าพักอาศัย เช่น โครงการ Atmoz Season Ladkrabang มีการจ้างงาน 2 คน เกิดเป็นรายได้ 342,000 บาท เป็นต้น

คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน

บริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย และยั่งยืน ในทุกห่วงโซ่อุปทาน ชุมชนรอบโครงการจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่เราให้ความสำคัญเสมอมา โดยดำเนินงานร่วมกับบริษัทผู้รับเหมา(พันธมิตร) ของแต่ละโครงการ มีตัวอย่างการพัฒนาพื้นที่ชุมชนรอบโครงการ

โครงการ Atmoz Season Ladkrabang

ดำเนินโครงการดูแลคุณภาพชีวิตรอบโครงการ สำรวจความเสี่ยงต่างๆ ในชุมชน สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมและอัคคีภัย เพื่อความปลอดภัยของตนในชุมชน (ชุมชนซอยฉลองกรุง 43) โดยชุมชนได้รับประโยชน์ จำนวน 49 หลังคาเรือน

โครงการ Modiz Avantgarde

ดำเนินโครงการชุมชนสุขยั่งยืนร่วมกับปทุมธานีโมเดล สนับสนุนเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ และเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญ ให้กับปทุมธานีโมเดล เพื่อเป็นทุนตั้งต้น สำหรับใช้ประโยชน์ในชุมชน โดยสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนเพื่อให้เกิดการพัฒนาภายในชุมชนอย่างยั่งยืน ชุมชนได้รับประโยชน์ จำนวน 182 หลังคาเรือน

เศรษฐกิจชุมชน
สนับสนุนร้านค้ารอบสำนักงานใหญ่และรอบโครงการ

บริษัทพัฒนาโปรแกรมผ่าน Line Official ที่ชื่อว่า PunnSook เพื่อบันทึกการทำความดีและการเข้าร่วมกิจกรรมโดยมีการนำ point และใบประกาศนียบัตร(ใบชื่นชมยินดี ใบนิยมยินดี) เข้ามาเป็นรางวัลและสร้างความอิ่มเอมใจสำหรับผู้ร่วมกิจกรรมความดีทางด้านสังคม กิจกรรมที่มีการนำมาใช้ เช่น กิจกรรมบริจาคสิ่งของ เป็นต้น หรือ สามารถบันทึกการบริจาคต่างๆ หรือบันทึกชั่วโมงการทำความดีได้ด้วยตนเอง

กิจกรรม “หนึ่งหยดโลหิต ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์”

บริษัทร่วมกับโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ตั้งจุดรับบริจาคโลหิตมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม “หนึ่งหยดโลหิต ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์” โดยเชิญชวนพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบริษัท (สำนักงานใหญ่) และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมบริจาคโลหิต โดยในปี 2567 บริษัทได้จัดกิจกรรมจำนวน 4 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิตทั้งสิ้น 521 คน สามารถรวบรวมปริมาณโลหิตได้ถึง 234,450 ซีซี และได้บันทึกมีการบันทึกการบริจาคโลหิตผ่าน Line OA : ปันโลหิต

นอกจากตั้งจุดรับบริจาคโลหิตที่สำนักงานใหญ่แล้ว ยังขยายขอบเขตการรับบริจาคไปที่ Mingle mall ด้วย และบริษัทยังสนับสนุนการใช้ Line OA : @PunnbyAssetWise เป็นเครื่องมือในการบันทึกการทำกิจกรรมบริจาคโลหิตของ นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ โดยผู้ที่ร่วมบริจาคโลหิตจะได้รับ Coin เพื่อนำไปแลกเป็นคูปองรับประทานอาหาร หรือซื้ออุปกรณ์การเรียนในร้านสหกรณ์ของวิทยาลัย

ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่สถาบันการศึกษา

บริษัทส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ก รวมถึงอุปกรณ์สภาพดีที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ให้กับวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมความพร้อมทางการศึกษาให้กับเยาวชนต่อไป

การมีส่วนร่วมกับพันธมิตรในการดูแลชุมชนและสังคม

การส่งเสริมพนักงานในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรในการดูแลชุมชนและสังคม
ตัวชี้วัด หน่วย เป้าหมาย
จำนวนโครงการเพื่อชุมชนและสังคมที่จัดทำร่วมกับพันธมิตร โครงการ 12

ในปี 2567 บริษัทร่วมกับพันธมิตรในการดำเนินโครงการดูแลชุมชนและสังคม จำนวน 18 โครงการ

โครงการ จำนวนครั้ง
AssetWise Beauty Run 2024 1
ปั่นกับประมูล 2
บริจาคโลหิตให้แก่โรงพยาบาลภูมิพล 4
โครงการดูแลชุมชนรอบโครงการร่วมกับผู้รับเหมา 11
รวม 18
โครงการร้านปันกัน X AssetWise

บริษัทเห็นความสำคัญทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมกับร้านปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ รับบริจาคสิ่งของสภาพดี เพื่อจำหน่ายเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนทั่วประเทศ นอกจากจะช่วยเรื่องทุนการศึกษาแล้วยังสามารถช่วยเรื่องการลดขยะจากเสื้อผ้าได้อีกทางด้วย โดยได้จัดกิจกรรมปันกันที่สำนักงานใหญ่ทุกๆ 6 เดือน และยังได้เปิดร้าน “ ปันกัน X AssetWise ” ณ ศูนย์การค้า Mingle Mall เมื่อเดือนตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2567 มียอดขายทั้งสิ้น 1,339,771 บาท สามารถเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษาได้ถึง 191 ทุน

กิจกรรมส่งเสริมเรื่องของการแบ่งปันทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยส่งเสริมให้พนักงานและพันธมิตรนำของใช้สภาพดีมาประมูล โดยรายได้ที่เกิดจากการประมูลทั้งหมดจะถูกบริจาคไปยังร้านปันกัน ภายใต้มูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาส ผู้ที่นำสิ่งของมาบริจาคและได้รับการประมูลจะได้รับใบลดหย่อนภาษีจากมูลินิยุวพัฒน์

ในปี 2567 บริษัทได้ตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของพนักงาน ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทจำนวน 2 ครั้ง โดยมีพนักงานให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเป็นอย่างดี

การบริจาคเพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคม

บริษัทได้บริจาคเพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้แก่องค์กรการกุศล องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน รายละเอียด ดังนี้

จำนวนการบริจาค
10
ครั้ง / ปี
จำนวนเงินบริจาค
424,253.40
บาท